Drama

Caddo Lake (2024) บึงลี้ลับ

Untitled08137

สิ่งแรกที่อยากจะบอกเลยก็คือ หากท่านใดดูหนังช่วงแรกๆ แล้วรู้สึกงงแบบจับต้นชนปลายไม่ถูกก็ไม่ต้องแปลกใจไปครับ เพราะผมเองก็มีมึนเหมือนกัน 555

พล็อตหลักเบื้องต้นที่ควรรู้ก็คือ เหตุเกิดแถบแคดโด้เลค มีเด็กหญิงอายุ 8 ขวบหายตัวไป ผู้คนเลยออกตามหากัน โดยตัวเอกก็มี ปารีส (Dylan O’Brien) ชายหนุ่มที่อยู่แถบนั้น กับเอลลี่ (Eliza Scanlen) พี่ของหนูน้อยคนนั้น – รู้แค่นี้พอครับ ที่เหลือไปดูต่อในหนัง

บอกเลยว่าหนังไม่เหมาะสำหรับการเปิดดูแบบดูไปทำอย่างอื่นไป เพราะท่านอาจจะงงเอาได้ หนังต้องใช้ความตั้งใจในการดูพอสมควร อย่างน้อยก็ครึ่งแรกครับ มันมีรายละเอียดให้เราสังเกต มีปมให้เราตาม ซึ่งหากท่านพอจะตามครึ่งแรกทันก็น่าจะโอเคล่ะครับ พอเก็ทครึ่งแรกได้ทีนี้ครึ่งหลังก็น่าจะเข้าใจอะไรต่อมิอะไรได้ง่ายเข้า

หนังขายชื่อพี่มาโนช (M. Night Shyamalan) ในฐานะผู้อำนวยการสร้างครับ เลยพอจะบอกใบ้ให้เราทราบได้ว่าหนังต้องมีเนื้อหาซับซ้อนและการหักมุม แต่ที่ผมชอบก็คือผู้กำกับ Logan George และ Celine Held (ที่ควบตำแหน่งเขียนบทด้วย) ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาขายการหักมุม แต่พวกเขาเอาการหักมุมมารับใช้การเล่าเรื่องครับ ประมาณว่าการหักมุมไม่ใช่ “ทั้งหมด” ไม่ใช่ “ไฮไลท์” หรือ “ไคลแม็กซ์” เพราะหลังจากเรารู้จุดหักมุมแล้ว หนังยังคงเล่าเรื่องต่อ เล่าแบบบอกอะไรๆ ไปทีละน้อย จนพอถึงตอนจบเราก็จะได้เห็นภาพรวมแบบครบองค์

โดยส่วนตัวผมมองว่าหนังหักมุมนี่ ถ้าจะเอาให้ตราตรึงประทับใจ มันจะมี 2 แนวทาง แนวทางแรกคือจุดหักมุมต้องแรง ต้องทำให้คนดูรู้สึกพลิกโลก ซึ่งแนวทางนี้บทต้องดีจริง เล่าเรื่องต้องถึงจริง และจุดหักมุมต้องอึ้งจริง ซึ่งหนังแนวนี้ที่เด็ดๆ ก็ไม่ใช่จะมีมาบ่อยๆ ในขณะที่อีกแนวหนึ่งคือเน้นตรงการเล่าเรื่อง โดยใช้หักมุมเป็นส่วนประกอบ ท่าที่ใช้อาจจะไม่ยาก มุมที่หักอาจจะไม่พลิกโลก แต่ดูจบแล้วมันอิ่ม มันได้ มันกำลังพอเหมาะ และสำหรับผมแล้ว Caddo Lake ถือว่าเข้าข่ายอย่างหลังครับ

Untitled08138

ว่าตามจริงจุดหักมุมมันก็ไม่ได้แปลกใหม่ล้ำอะไรขนาดนั้น ใครเคยดูซีรี่ส์สไตล์ The Twilight Zone มาบ่อยๆ จะจับทางได้ไม่ยาก และบอกเลยว่ามีซีรี่ส์ Netflix เรื่องหนึ่งที่เล่นเรื่องทำนองนี้แบบเต็มๆ และทำได้ดีมากด้วย – ถ้าผมบอกชื่อท่านก็จะร้องอ๋อทันทีดังนั้นก็ขอละไว้น่ะนะครับ – เอาเป็นว่าจุดหักมุมพลิกผันมันไม่ได้สดใหม่ชนิดไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งคนทำก็อาจตระหนักถึงประเด็นนี้ด้วย เลยไม่เอาจุดหักมุมมาเป็นไคลแม็กซ์ แต่เอามันมารับใช้การเล่าเรื่องแบบที่ผมบอกไป

สำหรับผมหนังจัดว่าอิ่มแบบพอดีคำครับ คือไม่ได้ชอบจัดๆ ไม่ได้รู้สึกว่ามันเด็ดสุดๆ แต่ก็ถือว่าโอเคในทางของมัน ดูแล้วรู้สึกชอบมากกว่าไม่ชอบ อีกอย่างคือสไตล์การเล่าเรื่องจะออกแนวเรียบง่าย ไม่เน้นท่ายาก ไม่เน้นหลอกล่อคนดู ซึ่งผมโอเคกับความเรียบง่ายและความพอดีของมันน่ะครับ ดูจบก็จบไปหนึ่งอิ่ม หนึ่งเพลิน และพอหนังไม่พยายามจะทะเยอทะยานมากไป ความคาดหวังของเราก็เลยไม่มากตาม – เหมือนคนทำรู้ว่าจะบอกอะไรกับเรา ก็บอกเราไปตามนั้น ไม่ต้องมีส่วนเกินมาทำให้เป๋

เอาเป็นว่าใครชอบหนังหักมุมที่มาพร้อมปมปริศนาให้เราติดตาม ผมว่าเรื่องนี้ตอบโจทย์ในระดับที่น่าพอใจครับ บอกก่อนว่ามันอาจไม่ทำให้ท่านที่ดูหนังแนวนี้มาเยอะๆ รู้สึกว้าว แต่ถ้าใครที่ไม่เคยสัมผัสหนังแนวนี้หรือแนวทางการหักมุมแบบนี้มาก่อนก็อาจจะว้าวครับ – ส่วนผมแม้จะเดาอะไรๆ ได้ แต่ก็ชอบในความเรียบง่ายพอดีของการเล่าเรื่อง ช่วงต้นๆ อาจงงๆ บ้าง แต่พอดูถึงตอนท้ายก็จะเข้าใจภาพรวมแบบชัดเจน

อย่างที่ผมชอบบอกบ่อยๆ น่ะครับ บางทีเราก็ไม่ได้ต้องการอะไรที่แปลกใหม่มากมายหรอก – บางทีน่ะแค่ดูอะไรเดิมๆ สูตรๆ ที่ทำออกมาได้แบบพอดีพอเหมาะ แค่นี้ก็พอใจแล้ว

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)