
หนังไซไฟแอ็คชั่นว่าด้วยโลกอนาคตที่ถูกทำลายตามสไตล์ Mad Max บวกด้วย Resident Evil ครับ ประมาณว่ามีเชื้อร้ายระบาด คนตายไปเยอะและติดเชื้ออีกเพียบ ทางการเลยตัดสินใจปิดเมืองที่ว่าปล่อยให้ประชากรที่เหลือหาทางรอดกันเอาเอง
แล้วจากนั้นราวๆ 30 ปีต่อมาเจ้าเชื้อร้ายที่ว่าก็เริ่มกลับมาแผลงฤทธิ์อีกหนในกรุงลอนดอน ขณะเดียวกันก็มีข่าวลือว่าในเมืองที่ถูกทิ้งให้ตายนั้นน่ะอาจจะมียารักษาเชื้อร้ายนี้ ทางการเลยส่งทีมพิเศษนำโดย อีเดน ซินแคลร์ (Rhona Mitra) บุกเข้าเมืองไปเพื่อหายาที่ว่า แต่ก็แน่นอนครับว่าพวกเขาต้องเผชิญกับประชากรที่กระหายเลือดที่รอต้อนรับพวกเขาอยู่
อย่างแรกที่อยากบอกคือ ดูเรื่องนี้เพราะ Rhona Mitra เลยครับ 555 ผมว่าเธอสวย เท่ห์และมีเสน่ห์เฉพาะตัว ชอบเธอมาตั้งแต่งานชิ้นแรกๆ อย่าง A Kid in Aladdin’s Palace แล้วครับ มาเรื่องนี้นี่เธอก็ดูเป็นสาวแกร่งสายบู๊เหมาะกับบทอยู่ ซึ่งตัวหนังก็ถือว่ากลางๆ ครับ คือดูได้เพลินๆ แต่ยังไม่เด็ดจัดๆ คือมันออกแนวเรื่อยๆ ประมาณว่าตอนต้นก็เกริ่นแนะนำที่มาที่ไปของโลกในหนัง จากนั้นก็แนะนำให้คนดูรู้ฝีมือของนางเอก ก่อนจะเข้าสู่ภารกิจหลักซึ่งก็คือการฝ่านรกดีๆ นี่เอง
ในแง่แอ็คชั่นหรือความน่าติดตามถือว่าเรื่อยๆ น่ะครับ มีตื่นเต้นบ้างลุ้นบ้างแบบกลางๆ แต่บางช่วงบางตอนก็แอบอิหยังวะอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะตอนที่พี่คนขับรถในทีมของอีเดนเห็นผู้หญิงคนหนึ่งมายืนนิ่งอยู่นอกรถ ซึ่งทุกคนก็พยายามบอกว่าอย่าเพิ่งทำอะไร อย่าเข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้นนะ แต่พี่คนขับรถไม่รู้อารมณ์ไหนครับ คือไม่ฟังใครเลย แล้วก็ออกไปอุ้มเธอขึ้นรถมา แล้วจากนั้นก็… คงพอเดาได้น่ะนะครับ ยอมรับว่างงมาก คือถ้าหนังเขียนบทให้ประมาณว่าเธอยืนอยู่แล้วมีตัวประหลาดหรือมีคนจะไล่ฆ่าเธอ แล้วพี่คนนี้ใจอ่อนยอมช่วยมันยังพอทำเนา แต่นี่เจ๊แกมายืนนิ่งกลางเมืองหลอนๆ แบบนี้ เป็นผมนี่คงผวาไว้ก่อนล่ะครับ ไม่ไว้ใจพาขึ้นรถเป็นอันขาดเลย

หนังกำกับโดย Neil Marshall ที่ตอนนั้นแจ้งเกิดจาก Dog Soldiers และ The Descent สำหรับเรื่องนี้ก็ต้องบอกว่าความสนุกยังเป็นรอง 2 เรื่องนั้นครับ แต่ผมว่ามันก็ยังดูได้นะ อย่างน้อยก็เวิร์กกว่างานยุคหลังๆ ของพี่เขาอย่าง The Lair ล่ะน่า
หนังก็เน้นดูเอามันส์ครับ ขณะเดียวกันก็มาพร้อมภาพจำอันแสนคุ้นเคยเมื่อหนังเอ่ยถึงโลกอนาคตที่เหลวแหลก สังคมที่แตกสลาย แน่นอนว่าสภาพบ้านเมือง สังคม และผู้คนก็ย่อมแตกแยกตามไปด้วย ในหนังเราจะได้เห็นกลุ่มคนที่บ้าคลั่งที่พร้อมจะกินเลือดกินเนื้อคนด้วยกัน – ส่วนอีกกลุ่มก็ดูเป็นคนดีมีหลักการ แต่งตัวดีพูดมีเหตุผล แต่แท้จริงแล้วพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตน
ระหว่างพิมพ์นี่ผมก็มีคำถามเหมือนกัน ว่ากลุ่มคนแบบที่ว่านั้นน่ะ มันมีแค่ตอนโลกสลายเท่านั้นเหรอ?… หรือจริงๆ มันมีตั้งแต่ตอนที่โลกยังไม่แหลกสลาย?
สรุปว่าใครชอบหนังแนว Mad Max หรือ Resident Evil (ฉบับ Milla Jovovich) หากจะลองเรื่องนี้ก็ได้อยู่ครับ ท่านอาจชอบก็ได้ – ส่วนผมนั้นก็อย่างที่ว่าไปนั่นแหละ คือดูได้เรื่อยๆ แต่ไม่ติดใจอะไร และถ้าผมจะชอบอะไรในหนังเรื่องนี้ นอกจาก Mitra แล้วก็คงเป็นการแสดงเวิร์กๆ ของ Bob Hoskins ที่เล่นดีเสมอไม่ว่าจะบทเล็กหรือบทใหญ่ และอีกอย่างที่ชอบก็คือคำโปรยบนใบปิดน่ะครับ “Mankind has an Expiration Date” หมายถึง มนุษยชาติก็มีวันหมดอายุนะ – เป็นอะไรที่น่าคิดดีครับ
ส่วนเรื่องรายได้นั้นก็ถือว่าไมประสบความสำเร็จครับ ทำเงินทั่วโลกไป $22 ล้าน แต่ทุนนั้น $30 ล้านครับ ก็ติดตัวแดงกันไป
สองดาวครับ
![]()
(6/10)
หมวดหมู่:Action, Movie Reviews, Sci-Fi, Thriller










