Action

The Equalizer 2 (2018) มัจจุราชไร้เงา 2

Untitled07862

ผมเคยดูภาคนี้ไปหนึ่งรอบเมื่อตอนมันออกใหม่ๆ ตอนนั้นดูแบบไม่ได้เอาภาคแรกมาดูซ้ำก่อนดูภาคนี้ ความรู้สึกที่ได้ก็ประมาณว่าชอบภาคแรกมากกว่า และรู้สึกสนุกกับภาคนี้ไม่มากนัก

ครั้นล่าสุดเอามาดูแบบเรียงภาค คือดูภาคแรกก่อนแล้วเปิดภาค 2 ต่อ รอบนี้กลับรู้สึกโอเคกับหนังมากขึ้น

สิ่งหนึ่งเลยที่รู้สึกคือหนังยังคงโทนบรรยากาศแบบภาคแรกไว้ – อาจไม่ใช่ซะทีเดียว แต่ก็ใกล้เคียงครับ – นั่นคือการบอกเล่าชีวิตของโรเบิร์ต แม็กคอลล์ (Denzel Washington) ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นมาขับอูเบอร์ แล้วก็คอยรับงานช่วยเหลือผู้คนที่โดนกดขี่ข่มเหง แล้วขณะเดียวกันเขาก็คอยช่วยคนที่อยู่ในละแวกบ้านตั้งแต่งานเล็กๆ อย่างทาสี ปลูกต้นไม้ เรื่อยไปถึงช่วยเปลี่ยนชีวิตของบางคนให้รอดพ้นจากการก้าวเดินไปในทางที่ผิด

ส่วนพล็อตหลักประจำภาคก็คือเพื่อนสนิทของโรเบิร์ตโดนฆ่าครับ เขาเลยลงมือสืบสวนตามล่าหาความจริงด้วยตนเอง แล้วก็แน่นอนว่าใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเหตุครั้งนี้ คนผู้นั้นจะต้องได้เจอกับฤทธิ์ของ “มัจจุราชไร้เงา”

อย่างที่บอกครับว่าโทนและบรรยากาศถือว่าเข้าชุดกับภาคแรก เราจะได้เห็นโรเบิร์ตใช้ชีวิตแบบหมาป่าเดียวดายตามสไตล์ของเขา แล้วก็เห็นเขาช่วยคน พร้อมทั้งเล่นงานพวกคนที่ทำตัวชั่วช้า แล้วขณะเดียวกันก็สืบสาวราวเรื่องหาตัวคนที่ฆ่าเพื่อนมารับโทษ (ในแบบของเขา) เพียงแต่จังหวะจะโคนบางช่วงอาจจะช้าไปนิด ยืดไปหน่อย เลยทำให้ความกลมกล่อมและความอร่อยยังไม่เท่าภาคแรก

Untitled07863

ในมุมหนึ่งก็คิดว่าส่วนหนึ่งอาจเพราะภาคนี้ไม่มีดาราสมทบที่โดนๆ แบบ Chloë Grace Moretz รวมถึงตัวร้ายที่พอฟัดพอเหวี่ยงอย่าง Marton Csokas แบบภาคแรก ความเข้มข้นถึงรสเลยลดปริมาณลง อย่างตัวร้ายในภาคนี้พูดกันแบบตรงๆ คือรู้สึกได้ว่าฝีมือและความเก๋ายังไม่ถึงระดับตัวร้ายภาคแรก เราจึงแอบรู้สึกได้ตั้งแต่ต้นว่ายังไงพี่โรเบิร์ตแกก็เอาอยู่นั่นแหละ เลยไม่รู้สึกลุ้นมากเท่าคราวก่อน

แต่กระนั้นหนังก็ยังดูสนุกครับ เพราะพี่ Denzel แกเล่นได้ดีอีกตามเคย และผู้กำกับ Antoine Fuqua ก็คุมหนังได้ดีอีกเช่นกัน มันจะมีช่วงช้าบ้างก็พอจะทำใจมองข้ามได้ เพราะเรื่องราวส่วนใหญ่ยังคงน่าติดตาม แล้วก็เพราะพี่ Denzel นี่แหละที่เป็นพลังสำคัญทำให้หนังเรื่องนี้มันมี Layer มีอะไรที่มากกว่าหนังแอ็คชั่นระทึกขวัญธรรมะปะทะอธรรมทั่วๆ ไป

เกร็ดที่อยากบอกก็คือ จากสารพัดบทบาทที่พี่ Denzel แกแสดงมา นี่คือครั้งแรกที่พี่เขาแสดงหนังภาคต่อครับ และแน่นอนว่าการมาของภาค 3 ทำให้พี่เขาได้มีหนังไตรภาคเป็นของตัวเองซักที – แสดงว่าพี่เขาต้องชอบบทนี้มากครับถือยอมกลับมาเล่นถึง 3 ครั้ง 3 ครา

ส่วนรายได้ของหนังก็ถือว่าพอๆ กับภาคแรกครับ คือทำไป $190 ล้านจากทั่วโลก ส่วนทุนสร้างอยู่ที่ประมาณ $62 ล้าน (บางกระแสบอกว่า $70 ล้าน) เอาเป็นว่าหนังพอคุ้มทุนอยู่ และคงได้กำไรเป็นกอบเป็นกำตอนออกแผ่นและลงสตรีมมิ่ง

ถ้าชอบภาคแรก ก็ตามมาดูภาค 2 ครับ จะชอบมากชอบน้อยก็ว่ากันไป แต่สำหรับผมแล้วไฮไลท์สำคัญเลยคือผมอยากรู้น่ะครับว่าชีวิตบทต่อมาของ โรเบิร์ต แม็กคอลล์ จะเป็นอย่างไร – เพราะผมรู้สึกรัก ชอบ และผูกพันกับตัวละครนี้ไปแล้วน่ะครับ – ซึ่งผมว่าคงเป็นเพราะแบบนี้แหละเลยทำให้ผมชอบหนังภาคนี้มากขึ้นหลังจากเอามาดูต่อจากภาคแรก เพราะมันไม่ใช่แค่หนังแล้วสำหรับผมน่ะ แต่มันคือเรื่องของเพื่อน เรื่องของคนที่เรารู้สึกห่วงใย คนที่เรารู้สึกผูกพัน… เราเห็นเขาเป็นเพื่อนไปแล้ว อะไรทำนองนั้น

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)