Adventure

Come Back Home (2022)

Untitled07852

อย่างแรกที่ต้องบอกเลยคือ นี่ไม่ใช่หนังแอ็คชั่นครับ

เรื่องของคุณพ่อ (เจิ้นจื่อตัน, Donnie Yen) ที่พาภรรยา (Cecilia Han) และลูกชายกับลูกสาวไปเที่ยว แต่ทีนี้ระหว่างเที่ยวอยู่คุณพ่อก็เกิดมีปากเสียงกับลูกชายครับ เขาเลยตัดสินใจทิ้งลูกไว้ตรงนั้น กะว่าจะให้ลูกสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยกลับไปรับ แต่กลายเป็นว่าลูกชายเขาหายตัวไปครับ ก็เลยต้องมีการพลิกแผ่นดินตามหากัน

สารภาพเลยว่าตอนแรกผมก็นึกนะ ว่าหนังจะออกแนวบู๊ไหม คือนึกภาพ Taken บวกกับ Ip Man เลยน่ะครับ ประมาณว่าลูกหาย พ่อเลยออกตามหาแล้วก็มีการตีกับผู้ร้ายอะไรทำนองนั้น แต่เปล่าครับ เพราะนี่เป็นหนังดราม่าแบบเต็มตัว มันว่าด้วยการตามหาลูกแบบให้ตำรวจช่วยตามหา พยายามตามรอยหรือไม่ก็เบาะแสเพื่อตามตัวเด็กกลับมา ไม่ได้มีฉากต่อสู้หรือความระห่ำอะไร

พอดูไปสักพักก็ตระหนักครับว่าหนังไม่ได้มาแนวมันส์แน่นอน ก็เลยปรับใจในการรับชมให้เป็นโหมดดราม่า แต่ถึงกระนั้นหนังครึ่งแรกมันค่อนข้างเรื่อยครับ คือมันไม่เหมือนแบบ Ransom ที่ผสมความระทึกเข้าไป มีการทิ้งปมให้คนดูตาม แต่กับเรื่องนี้คือมันไปเรื่อยๆ คุณพ่อก็ตามลูกแบบคลำทางหา ตำรวจก็ตามแบบคลำทางเอา มันคือการตามหาแบบตามหาจริงๆ น่ะครับ ไม่ได้มีปมอะไรมาเร่งเร้า ไม่ได้มีประเด็นอะไรมาชวนให้ติดตาม แล้วเมื่อมาบวกกับฉากหลังที่เป็นหิมะขาวโพลนแล้ว โทนหนังเลยค่อนข้างอืดครับ

ยอมรับเลยครับว่าครึ่งแรกนี่ผมใช้ความอดทนในการดูเยอะอยู่เหมือนกัน บางช่วงทำเอาจะหลับเพราะหนังเนิ่บๆ เรื่อยๆ จริงๆ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ดาราครับ แต่ละคนก็แสดงกันได้โออยุ่ แต่การเล่าเรื่องมันเรื่อย มันไม่อะไรที่ชวนให้เราโฟกัสหรือรู้สึกว่ามันน่าติดตาม ทั้งๆ ที่เด็กหายไปทั้งคนน่ะครับ จริงๆ มันคือเรื่องใหญ่นะ แต่อารมณ์ในหนังมันไม่ได้บิ้วไปสูจุดนั้น

Untitled07853

ต้องรอจนครึ่งหลังน่ะครับหนังถึงเริ่มมีอะไรมากขึ้น ไม่ว่จะการใส่เรื่องภัยพิบัติลงมา หรือการขมวดเรื่องตอนท้ายที่สะท้อนให้เราเห็นว่าพ่อนั้นรักลูกแค่ไหน คือตอนท้ายผมว่าเข้าท่าเลยครับ นำเสนอได้ดี เล่าได้ดี และจบลงในแบบที่น่าจดจำไม่น้อย

ความรู้สึกผมเลยแบ่งออกเป็น 2 ครึ่งครับ คือครึ่งแรกออกจะเฉย แต่ครึ่งหลังค่อยดีหน่อย – ปกติเวลาผมจะสรุปผมก็จะใช้คำว่าโดยรวม แต่กับเรื่องนี้คงใช้คำนั้นไมได้น่ะครับ เพราะความรู้สึกที่มีต่อหนังมันแยกชั้นกันอยู่ แต่พอจะบอกได้ว่าใครคาดหวังแอ็คชั่นก็ผ่านเรื่องนี้ไปได้เลยครับ แต่หากใครชอบหนังดราม่าหรืออยากเห็นพี่ Donnie มาแสดงในโทนชีวิตบ้าง เรื่องนี้ถือว่าโอเคที่จะลองครับ เพียงแต่อาจต้องทำใจกับครึ่งแรกที่เรื่อยๆ เท่านั้นแหละ

แต่ผมชอบบทสรุปครับ คือมันจบได้ซึ้งนะ และมันฝากแง่คิดสำคัญเอาไว้เลยคือ ให้ระวังการทำอะไรด้วยอารมณ์ อย่างเหตุการณ์ในเรื่องนี่มันจะไม่เกิดขึ้นเลยหากทั้งพ่อและทั้งลูกไม่ใช้อารมณ์ต่อกัน ถ้าลูกสำนึกผิดแล้วขอโทษซะ ถ้าพ่อก็ใจเย็นแล้วสอนลูกซะ เรื่องมันจะไปอีกแบบเลยครับ – แบบที่หนังทำให้เราเห็นนั่นแหละว่าถ้าพวกเขาไม่ใช่อารมณ์ใส่กัน เรื่องมันจะเปลี่ยนไปแค่ไหน

ผมว่าผมโอเคที่ได้ดูหนังเรื่องนี้นะครับ แม้จะเฉยครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังก็ถือว่าเล่าเรื่องได้ดี และที่สำคัญสุดๆ เลยคือหนังเตือนสติเราได้อยู่ครับ อันนี้ผมเชื่อนะ เชือโดยส่วนตัวเลยว่าในภายหน้าหากผมจะอารมณ์ขึ้น หรือจะหงุดหงิดใส่ใครล่ะก็ ภาพตอนท้ายในหนังจะผุดขึ้นมาเตือนใจผม ให้ผมนึกถึงคำว่า “What iF?” ได้ ไม่มากก็น้อย

สรุปว่าตอนท้ายของหนังช่วยหนังไว้ได้พอตัวครับ

สองดาวครับ

Star21

(6/10)