
ยุทธจักรต้องระส่ำเมื่อกำเนิดกลุ่มโจรหน้ากากทองคำขึ้น พวกมันทั้งเข่นฆ่าปล้นชิงสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว จนทำให้ฉีชางหยุน (เจียงเซิน, Chiang Sheng) และเหล่าชาวยุทธต้องหาทางสืบหารังของโจรกลุ่มนี้ให้พบ โดยเบาะแสล่าสุดนำพวกเขาไปสู่บ้านของหลิงหยุนจื้อ (ลุฟง, Lu Feng) ครั้นพอพบหลิงหยุนจื้อเขาก็บอกกับฉีชางหยุนว่า เขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าฟางชูกวง (หวังลี่, Wang Li) คู่อริของเขานั้นอาจเป็นหนึ่งในพวกโจรหน้ากากทองก็เป็นได้
ระหว่าง เซ็งจุน (เฉินเสี่ยวหาว, Chin Siu-Ho) ที่ร่วมขบวนไปกับฉ๊ชางหยุนก็ได้พบกับเสี่ยวเอ้อที่ดูเหมือนจะเป็นวรยุทธ เขามีนามว่า เกาเหยา (กั๊วะจุย, Phillip Chung-Fung Kwok) แล้วเกาเหยานี้จะซ่อนความลับใดไว้ และเหล่าโจรหน้ากากทองแท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่ ก็ต้องติดตามดูกันครับ
เรื่องนี้จัดว่าสนุกทีเดียวครับ ตอนต้นอาจจะเรื่อยๆ นิดหน่อย แต่พอเซ็งจุนเริ่มสังเกตเกาเหยาความน่าสนใจก็ค่อยๆ ไหลมา ระหว่างนั้นพวกโจรก็คอยไล่ฆ่าชาวยุทธไปทีละคนเพื่อลดเสี้ยนหนาม เราก็เลยจะได้เห็นคิวบู๊มาเป็นพักๆ ซึ่งคิวบู๊ในเรื่องนี้แม้จะออกเป็นสเต็ปอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าเมามันส์ใช้ได้ และในแง่เนื้อหาก็ถือว่าน่าติดตามครับ หนังทำให้เราอยากรู้ว่าแท้จริงแล้วใครกันแน่คือพวกโจร รวมถึงเกาเหยาเป็นใครกันแน่ ก็ถือว่าเป็นหนังที่กลมกล่อมครบรส น่าสนใจทั้งเนื้อเรื่องและฉากการต่อสู้
รายละเอียดหลายอย่างของหนังก็มีส่วนทำให้หนังมีอะไรให้จดจำครับ อย่างพฤติการณ์ของพวกโจรที่ถึงขั้นเอาเลือดสดๆ ของคนมากินกัน หรือฉากฆ่าฉากแทงด้วยตรีศูลก็ดูโหดอยู่ไม่น้อย ดังนั้นถ้าพูดถึงความรุนแรงแล้วเรื่องนี้จัดว่ามีเยอะอยู่ครับ
แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าหนังก็อาจมีอะไรที่ดูตลกๆ อยู่บ้างหากดูจากมุมมองของยุคนี้น่ะนะครับ เช่น งานสร้างบางอย่างหรือฉากบางฉากก็อาจดูง่ายๆ ไปบ้าง หรือ Effect เลือดต่างๆ สีก็อาจดูชมพูไปหน่อยในบางวาระ ไหนจะตอนที่มีตัวละครบาดเจ็บสาหัส คือแทนที่จะรีบพาไปส่งหมอ ดันให้พี่คนที่บาดเจ็บนั่งอยู่ตรงนั้น – บางรายนี่ดูแล้วรู้เลยว่านั่งมาพักหนึ่งแล้วล่ะ – แล้วก็มัวแต่ถามไถ่ว่าใครทำ ข้่าจะล้างแค้นให้ ฯลฯ คือทำทุกอย่างยกเว้นปฐมพยาบาลครับ แล้วคนผู้นั้นก็จะร้อง “เอื้อ” แล้วตายไปในที่สุด – อะไรเหล่านี้ก็ต้องทำใจบ้างครับ มันคือสไตล์หนึ่งของหนังยุคนั้นจริงๆ
สรุปว่าเป็นหนัง Shaw Brothers ที่ดูสนุกครับ ดาราจัดว่าดีโดยเฉพาะเฉินเสี่ยวหาวนี่ถือเป็นสีสันเลย ฉากต่อสู้ก็น่าพอใจ เนื้อเรื่องก็มีปมให้ติดตาม อีกทั้งความยาวไม่มากเกิน (แค่ชั่วโมงครึ่งนิดๆ เท่านั้น) และนี่เป็นอีกหนึ่งงานกำกับของจางเชอะครับ ก็ถือเป็นงานที่น่าจดจำไม่น้อยเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าชอบหนังแนวนี้ก็จัดเรื่องนี้ได้เลยครับ
สองดาวครึ่งครับ
![]()
(7/10)











