Comedy

The Love Bug (1997)

Untitled07705

ตามดูให้ครบเซ็ตครับ สำหรับหนังเรื่องที่ 5 ในชุด The Love Bug – รถมหาสนุก ที่ภาคนี้อาจไม่ค่อยมีคนรู้จักนัก เพราะเป็นเวอร์ชั่นที่ Disney ทำฉายทางทีวีครับ แต่เนื่องจากความสนุกไม่ได้มากอะไร หนังเลยผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่ค่อยมีคนพูดถึง

คราวนี้เฮอร์บี้ รถเต่าหมายเลข 53 ของเราได้ไปอยู่กับเจ้าของใหม่นามว่า แฮงค์ คูเปอร์ (Bruce Campbell) ช่างซ่อมรถที่ในอดีตเคยเป็นนักแข่งบนสนามความเร็วเหมือนกัน และเมื่อเขาได้ครองเฮอร์บี้ เขาก็โดนตามรังควานโดย ไซม่อน มัวร์ ที่3 (John Hannah) นักแข่งรถจอมหองหองที่เคยครองเฮอร์บี้มาก่อน แต่เนื่องจากเขานิสัยไม่ดีเฮอร์บี้เลยไม่ยอมเชื่อฟังครับ ดังนั้นพอไซม่อนเห็นเฮอร์บี้ช่วยให้แฮงค์ชนะการแข่งได้ เขาเลยเกิดจิตคิดพยาบาท และหมายมั่นจะล้างแค้น

ไซม่อนเลยไปค้นหาข้อมูลจนรู้ว่าแท้จรองแล้วเฮอร์บี้ถูกสร้างขึ้นโดยวิศวกรชาวเยอรมันผู้หนึ่ง ไซม่อนเลยไปพาตัววิศวกรคนนั้นมาแล้วบังคับให้เขาสร้างรถขึ้นอีกคัน ที่เขาตั้งใจจะเอาไว้สู้กับเฮอร์บี้โดยเฉพาะ และรถคนนั้นก็คือ โฮเรซ – Horace The Hate Bug รถที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อไล่ล่า Herbie The Love Bug

ว่าตามจริงหนังไม่ค่อยมีอะไรครับ เดินเรื่องเรื่อยๆ ไม่ได้น่าติดตามอะไรนัก และที่สำคัญคือเฮอร์บี้ไม่ค่อยมีพื้นที่บนจอสักเท่าไร เพราะตอนต้นหนังก็จะแนะนำตัวละครอย่างไซม่อนและแฮงค์ ครั้นพอเฮอร์บี้มาอยู่กับแฮงค์ หนังก็ดูจะเทน้ำหนักไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างแฮงค์กับอเล็กซ์ (Alexandra Wentworth) สาวสวยที่ดูก็รู้ว่าตอนท้ายต้องตกร่องปล่องชิ้นกับแฮงค์แน่นอน ถัดจากนั้นหนังก็เทไปที่การสร้างรถฮอเรซของไซม่อนน่ะครับ ดังนั้นโดยรวมแล้วเฮอร์บี้จะออกแนวเป็นตัวสมทบมากกว่า ไม่เด่นเหมือนภาคก่อนๆ

Untitled07706

แต่แม้หนังจะไม่สนุกมาก แต่ผมก็ถือว่าไม่เสียเวลาในการดูครับ เพราะอย่างน้อยหนังภาคนี้ก็มาพร้อมเรื่องเล่าที่มาของรถเฮอร์บี้ ซึ่งถูกสร้างโดย ดร. กุสตาฟ สตัมเฟล (Harold Gould) วิศวกรจิตใจดีผู้มีความรักในหัวใจ นั่นเลยทำให้เฮอร์บี้เป็นรถที่อ่อนโยน และมีจิตใจที่ดีครับ ซึ่งแม้จะรู้ๆ อยู่ว่าเรื่องราวเหล่านี้คงถูกเขียนขึ้นมาภายหลังสำหรับหนังเรื่องนี้ (ไม่ได้เป็นเรื่องดั้งเดิมตั้งแต่สมัยภาคแรก) แต่มันก็ยังรู้สึกดีน่ะครับที่เราได้รู้ที่มาที่ไปของเจ้ารถเต่าคันนี้ – เป็นความอิ่มเอมเล็กๆ ในฐานะคนรักเฮอร์บี้น่ะครับ และผมว่า Gould แสดงบทนี้ได้ดีด้วย

และอีกหนึ่งไฮไลท์คือ Dean Jones กลับมารับบทจิม ดักลาสอีกครั้งครับ สำหรับผมนี่ฉากที่เขาเข้าไปนั่งในรถแล้วสตาร์ทเครื่องเฮอร์บี้นี่ ทำเอาผมยิ้มเลยครับ มันเป็นฉากง่ายๆ ที่มีความหมายทีเดียว และนี่คือครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอจิมครับ เพราะในภาค Herbie Fully Loaded นั้นเขาไม่ได้ไปร่วมปรากฏตัวครับ

สรุปว่าหนังจัดว่าธรรมดาครับ บางช่วงก็ออกแนวน่าเบื่อด้วย แต่ยังดีที่ดารายังพอช่วยหนังไว้ได้บ้าง นอกจากที่เอ่ยไปแล้วก็ยังมี Kevin J. O’Connor ในบทร็อดดี้ เพื่อนของแฮงค์ที่รู้ใจเฮอร์บี้ (แอบขำนิดๆ เพราะเดี๋ยว O’Connor กับ Hannah จะได้ไปเจอกับใน The Mummy) และ Clarence Williams III เป็นชัค เจ้าของอู่ที่แฮงค์ทำงานอยู่

และผมเพิ่งรู้ตอนดูนี่แหละว่าหนังกำกับโดย Peyton Reed ที่ในเวลาต่อมามากำกับ Ant-Man ทั้ง 3 ภาค สำหรับผลงานชิ้นนี้ก็ต้องบอกไปตามตรงว่ายังไม่จับใจนัก – แต่ถัดจากเรื่องนี้ไป 3 ปี เขาก็ได้แจ้งเกิดจากหนัง Bring it On ครับ

และที่ออกจะแปลกใจมากหน่อยคือ หนังเรื่องนี้ไม่มีการใส่เพลงธีมของ Herbie ลงไปเลยครับ อันนี้งงมาก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ระหว่างดูก็อดรู้สึกไม่ได้ว่ามันขาดอะไรบางอย่างไป

สรุปคือไม่ใช่ภาคที่สนุกครับ แต่มันน่าจดจำในประเด็นที่ผมเล่าไป สำหรับผมก็ถือว่าดูให้ครบชุด และอีกอย่างที่อยากบอกก็คือ Wentworth ตอนเล่นเรื่องนี้นี่น่ารักมากครับ ^_^

ไม่ถึงสองดาวครับ

Star12

(5.5/10)