
ถ้าใครต้องการกำลังใจหรือพลังบวกเข้ากระแสเลือดแบบเร่งด่วน ผมขอแนะนำหนังเรื่องนีเลยครับ ดูแล้วใจฟูจริงๆ
หนังสร้างจากเรื่องจริงของเจเน็ท โวกส์ (Toni Collette) และชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งที่ร่วมกันลงขันเพื่อเพาะพันธุ์ม้าแข่งครับ ซึ่งช่วงต้นๆ ก็อาจต้องอดทนในการดูสักนิดเพราะหนังจะค่อยๆ เล่าให้เราได้เห็นภาพว่าชีวิตของเจเน็ทและชาวเมืองนั้น ตอนแรกก็จะออกแนวเรื่อยๆ ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่ได้มีเป้าหมายอะไร แต่พอเจเน็ทได้ไอเดียจะลองเพาะพันธุ์ม้า หนังก็เริ่มน่าติดตามขึ้น ความสนุกค่อยๆ ไหลมารวมถึงความลุ้น เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งเจ้าม้าที่ทุกคนตั้งชื่่อว่า ดรีม อาไลแอนซ์ ก็จะต้องลงแข่งในสนามจริงครับ ช่วงที่ว่านี่ก็ลุ้นกันไปว่าเจ้าดรีมตัวนี้จะสามารถไปได้ไกลแคไหน
ผมดูหนังเรื่องนี้ตอนเช้าครับ และรู้สึกได้เลยว่าตัวเองได้พลังบวกเข้าร่างแบบเต็มๆ หนังจัดว่าสนุกครบรส มีทั้งดราม่า อารมณ์ขัน บางฉากก็มาพร้อมความซึ้งเคล้าน้ำตา และในแง่ความลุ้นก็ถือว่าใช้ได้ หมายถึงฉากตอนที่เจ้าดรีมลงแข่งน่ะนะครับ ดีกรีความลุ้นอาจไม่ถึงขั้นสุดๆ จนลืมหายใจ แต่ก็ถือว่ามากพอที่จะทำให้เราจดจ่อร่วมลุ้นไปกับตัวละครด้วย
ดาราเล่นกันได้ดีครับ Collette นี่ก็ไว้ใจได้เสมอ พอๆ กับ Damian Lewis ในบทฮาเวิร์ด เดวี่ส์ ชายที่มีอดีตอันเจ็บช้ำเกี่ยวกับเรื่องม้าแข่ง แล้วก็ยังมี Owen Teale ในบทไบรอัน สามีของเจเน็ทที่ดูเผินๆ เหมือนจะไม่ค่อยทำอะไร แต่เอาเข้าจริงแล้วเขาเอาใจใส่และทุ่มเทร่วมทำตามฝันกับเจเน็ทอย่างมาก และที่ลืมไม่ได้คือ Karl Johnson ในบทตาเฒ่าเคอร์บี้ ชายที่วันๆ เอาแต่จะเมาเบียร์ จนชีวิตมาได้เป้าหมายใหม่ด้วยการร่วมลงขันเพาะพันธุ์ม้ากับเจเน็ทนี่แหละ
ผมชอบที่หนังแจกแจงความเด่นให้กับตัวละครได้ดี แน่นอนว่าเจเน็ทเด่นสุด แต่รายอื่นๆ ก็มีโมเมนต์ของตัวเอง มีซีนดีๆ ให้จดจำ และส่วนหนึ่งที่หนังมีความน่าติดตามก็เพราะตัวละครทั้งหลายต่างก็มีคาแรคเตอร์ หรือไม่ก็ปมบางอย่าง คอยสลับกันขึ้นจอให้เราได้เห็นถึงการเคลื่อนไปข้างหน้าของเรื่องราว อะไรเหล่านี้ทำให้หนังดูมีชีวิตครับ ทำให้มันดูมีอะไรมากกว่าแค่หนังที่เดินตามสูตรทั่วๆ ไป

หนังกำกับโดย Euros Lyn ที่ผมก็ถือว่าคุ้นเคยกับงานของเขาอยู่ เพราะเขาเคยกำกับบางตอนของ Doctor Who, Torchwood, Sherlock และ Black Mirror สำหรับเรื่องนึ้ก็ถือว่าเขาคุมหนังได้ดีครับ พลังสำคัญส่วนหนึ่งก็ได้จากเหล่าดาราที่แสดงกันอย่างลื่นไหล ส่วนโครงเรื่อง เนื้อหา จังหวะการเล่าก็เป็นหน้าที่ของเขา ซึ่งก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดี หนังเดินเรื่องพอเหมาะ กลมกล่อม และที่สำคัญเลยก็คือหนังดูแล้ว Feel Good ครับ ดูแล้วมันได้พลัง ได้ความรู้สึกเบิกบาน พร้อมจะกระโดดไปฟันฝ่ากับงาน พร้อมจะรับมือกับปัญหา และพร้อมจะทำอะไรสักอย่างกับชีวิตของเราเพื่อให้ได้ก้าวต่อไป
และผมว่าหนังทำให้ผมอินไม่ใช่น้อยเลยครับ อย่างฉากที่จู่ๆ เจ้าดรีมก็หายไปจากสนามขณะกำลังแข่งขัน ฉากนั้นตัวละครพากันประหลาดใจ ตัวผมเองนี่รู้ตัวเลยครับว่าปากก็อ้าค้างและใจเกิดคำถามเหมือนกันว่ามันหายไปไหน – หนังทำให้ผมอินได้เบอร์นั้นเลยครับ ก็ต้องถือว่ามีดีและทำได้ถึงไม่น้อยล่ะ
จุดชอบอีกอย่างยกให้ดนตรีเลยครับ ผลงานของ Benjamin Woodgates ซึ่งเรื่องนี้เป็นผลงานหนังยาวชิ้นแรกที่เขาได้มาเป็นคอมโพเซอร์ (ก่อนหน้านั้นทำดนตรีให้กับหนังสั้นเป็นหลักครับ) ลีลาเด่นของเขาผมยกให้เครื่องสีครับ สามารถใช้เครื่องสีมาเพิ่มอารมณ์ให้กับหลายฉาก โดยเฉพาะฉากที่เจ้าดรีมออกทะยานพุ่งตัวนี่ ฟังทีไรเหมือนตัวเราพุ่งไปพร้อมกับเจ้าดรีมเลย
อ้อ และโลเคชั่นก็ดีครับ หนังไปถ่ายทำกันที่เวลส์ มันได้บรรยากาศเมืองเล็กๆ ง่ายๆ แต่สวยแบบคลาสสิค – บรรยากาศในเรื่องเหมาะแก่การดูตอนเช้าๆ น่ะครับ ได้อารมณ์เหมือนตื่นมาเดินเล่นสูดอากาศยามเช้าดี
เกร็ดที่ขอนำมาฝากก็คือ ตอนแรกตัวเลือกคนที่จะมาแสดงเป็นเจเน็ทนั้นคือ Catherine Zeta-Jones เพราะเธอเป็นชาวเวลส์ครับ แต่เนื่องจากเธอดูไม่เหมือนเจเน็ทตัวจริงเลย ทีมงานเลยหันไปเลือก Collette แทน – ซึ่ง Collette ก็คล้ายกับเจเน็ทตัวจริงมากกว่าจริงๆ ครับ ในช่วง End Credits เราจะได้เห็นหน้าเธอด้วย และตัวเลือกแรกของบทฮาเวิร์ดก็คือ Ioan Gruffudd ซึ่งเขาเป็นชาวเวลส์เหมือนกัน แต่ทีนี้ผู้สร้างอยากได้นักแสดงที่เป็นที่รู้จักในอเมริกา เลยเลือก Lewis ครับ เพราะช่วงนั้นเขากำลังมีชื่อจากการแสดงในซีรี่ส์ Billions
ผมชอบครับเรื่องนี้ ขอย้ำอีกทีว่าใครอยากได้พลัง อยากได้ความกระตือรือร้น หรือใครที่อ่อนล้าจากการทำงานหรือการใช้ชีวิต ลองมาดูเรื่องนี้กันครับ ผมเชื่อว่ามันจะสามารถมอบพลังบวกให้กับคุณได้ไม่มากก็น้อย
สองดาวสามส่วนสี่ดวงครับ
![]()
(7.5/10)
หมวดหมู่:Biography, Comedy, Drama, Feel-Good Movies, Inspirational Movies, Movie Reviews, Recommended Movies, Sport










