Horror

The Open House (2018) เปิดบ้านหลอน สัมผัสสยอง

Untitled07598

เป็นหนังอีกเรื่องที่ผมสงสัยมานานว่าทำไมคนถึงบ่นกันเยอะจัง คะแนนตามเว็บต่างๆ ก็ไม่สวยสักเท่าไร เลยขอลองดูสักครั้งครับว่าหนังมันเป็นอย่างไรกัน

เรื่องของครอบครัววอลเลซที่ตอนนี้เหลือเพียงแม่ที่ชื่อนาโอมิ (Piercey Dalton) และลูกที่ชื่อโลแกน (Dylan Minnette) พวกเขากำลังประสบภาวะลำบากจนไม่มีบ้านจะอยู่ แต่ก็พอดีที่น้องของนาโอมิเสนอให้พวกเขาไปอยู่ที่บ้านของเธอ ที่ตอนนี้กำลังรอขาย ข้อแม้ก็มีเพียงว่าทุกวันอาทิตย์นาโอมิและโลแกนจะต้องออกจากบ้าน เพื่อให้นายหน้าได้เปิดบ้านให้ผู้สนใจเข้ามาชม

แต่ทีนี้พอพวกเขาอยู่ไปๆ ก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความไม่ปกติ ไม่ว่าจะข้าวของที่เคลื่อนย้ายได้เอง หรือระบบทำน้ำร้อนที่มักจะเสียอยู่เรื่อย ไหนจะบรรยากาศแปลกๆ ในบ้านราวกับพวกเขาไม่ได้อยู่กันแค่แม่ลูก… หรือบ้านหลังนี้จะมีความลับอะไรซ่อนอยู่?

ก็เป็นหนังแนวระทึกขวัญน่ะครับ จริงๆ ก็ดูได้เรื่อยๆ นะ แต่ยอมรับเลยว่าอย่างแรกที่ออกจะหงุดหงิดระหว่างดูคือแม่ลูกคู่นี้ดูไม่ค่อยน่ารักเท่าไร คือในแง่เนื้อหาน่ะพอเข้าใจครับว่าหนังจะสื่อให้เห็นว่าครอบครัวนี้กำลังแตกสลาย หลังจากพ่อตายจากไป แม่กับลูกคู่นี้ก็เกิดช่องว่างระหว่างกัน และยิ่งทั้งคู่ตั้งกำแพงและตีอัตตาใส่กันมากเท่าไร เรื่องก็ยิ่งแย่มากขึ้นเท่านั้น – ก็อย่างที่บอกครับ ว่าเข้าใจน่ะว่าหนังจะพามาทางนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการดูคนมาแง่งมาเขม่นใส่กันทั้งเรื่องนี่มันก็ไม่ค่อยจะอภิรมย์สักเท่าไร

ส่วนบรรยากาศความหลอนนั้นจริงๆ ก็ใช้ได้ครับ แต่ก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรนะฮะ มาในแนวคุ้นเคยน่ะ เช่น มีคนท่าทางแปลกๆ มาป้วนเปี้ยนรอบบ้าน หรือมีเสียงแปลกๆ ในห้องใต้ดิน หรือไม่ก็มีเงาคนในเงามืด แม้จะเป็นกระบวนท่าพื้นๆ แต่ก็ถือว่าใช้ได้สำหรับหนังสไตล์นี้

ทีนี้เดาว่าที่คนไม่โอเคกับหนังคงเพราะตอนจบน่ะครับ ซึ่งเดี๋ยวเราจะสปอยล์กัน

Untitled07599

==============
===สปอยล์ครับ===
==============

สรุปว่าหนังเรื่องนี้คือมีฆาตกรต่อเนื่องครับ มันจะเลือกบ้านหลังที่มีการเปิดให้คนเข้าชมเพื่อขาย (อันนำมาสู่ชื่อเรื่องว่า The Open House) แล้วก็จะสังหารคนที่อยู่ในบ้านนั้นไปเรื่อยๆ และแน่นอนว่าแม่ลูกตระกูลวอลเลซนี่คือเหยื่อรายล่าสุดของมัน โดยเราจะได้เห็นมันลงมือทรมานและฆ่าแม่ลูกคู่นี้ โดยที่เราจะไม่ได้เห็นหน้าฆาตกรชัดๆ

เท่าที่ทราบมาคนที่ไม่ชอบหลายท่านก็มองว่า หนังไม่ให้เห็นหน้าว่าใครคือฆาตกร แล้วจู่ๆ มันก็ออกมาฆ่าคนโดยไม่รู้ที่มาที่ไปหรือแรงจูงใจอะไรเลย มันเหมือนที่ดูหนังมาทั้งเรื่องมันเสียเปล่า “สรุปฉันดูอะไรไปเนี่ย ฉันดูไปเพื่ออะไรเนี่ย ตอนจบก็ไม่รู้อะไรสักอย่าง” อะไรประมาณนั้นน่ะนะครับ ซึ่งก็พอเข้าใจได้น่ะ

แต่ขณะเดียวกันคนที่โอเคกับหนังก็มองในมุมที่ว่า เพราะแบบนี้ไงหนังถึงน่ากลัว เพราะในเหตุการณ์จริงที่เกิดในโลกนั้นมันก็แบบนี้แหละ มีฆาตกรโผล่มาฆ่าใครสักคนโดยเหยื่อไม่รู้ตัว เหยื่อจะไม่รู้หรอกว่าใครคือคนทำ ไม่รู้แรงจูงใจของมัน ไม่รู้อะไรสักอย่าง รู้แค่มีคนมาฆ่าตัวเองเท่านั้น แบบนี้แหละเลยทำให้หนังมันดูน่ากลัว เพราะเหตุแบบนี้อาจเกิดกับใครก็ได้ เมื่อไรก็ได้ และที่ไหนก็ได้ แบบที่ตอนนี้ยังมีอีกหลายคดีเหลือเกินที่ฆาตกรยังลอยนวลและยังเดินหน้าฆ่าต่อไป – แบบนี้แหละที่น่ากลัว

อันนี้ก็คงต้องแล้วแต่มุมมองน่ะนะครับ เอาเป็นว่าผมพอเข้าใจทั้งสองฝ่ายนั่นและครับ

================

ส่วนผมนั้น ตอนจบแบบนี้ก็ถือว่าพอรับได้ครับ ไม่ได้รู้สึกว่ามันแย่อะไร แต่ก็ไม่ถึงกับว้าวอะไรเหมือนกัน

เอาเป็นว่าหนังซ่อนเงื่อนเรื่องนี้ก็พอดูได้น่ะครับ ยกเว้นใครที่รู้สึกรำคาญกับการที่ตัวละครในเรื่องชอบมาแง่งใส่กัน อันนี้ก็ต้องทำใจรับครับ เพราะแม่ลูกคู่นี้ดูจะไม่ถูกกันเป็นส่วนใหญ่ ฟีลระหว่างดูมันเลยไม่ใคร่จะสวยนัก ยิ่งบวกกับโทนหนังสยองๆ แล้วใจเราก็อาจจะดาวน์มากกว่าที่คิด – แต่ถ้าให้พูดตรงๆ หนังเรื่องนี้ก็ไม่ถึงกับต้องดูครับ สามารถผ่านไปได้เลย

ดาวครึ่งครับ

Star12

(5/10)