Comedy

Witness for the Prosecution (1957) หักเหลี่ยมทนาย

Untitled07511

เซอร์วิลฟริด (Charles Laughton) ทนายเจนสนามที่ได้รับการติดต่อจาก เลนนาร์ด โวล (Tyrone Power) ให้ช่วยแก้ต่างให้ เนื่องจากเลนนาร์ดต้องหาว่าฆ่าคุณนายเฟรนช์ (Norma Varden) แต่เขายืนยันหนักแน่นว่าเขาไม่ได้ทำ เซอร์วิลฟริดจึงต้องรวบรวมหลักฐานหาพยานพิสูจน์เพื่อช่วยเลนนาร์ดให้ได้

หนังสร้างจากบทละครที่ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้น Traitor’s Hands ของ Agatha Christie ครับ – เรามาว่ากันถึงความดีของหนังก่อน หนังได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังหักมุมเรื่องสำคัญในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ซึ่งก็ต้องยอมรับครับว่าหนังมีการหักมุมหลายต่อ – ถ้าใช้ศัพท์ยุคนี้ก็คงเป็น “หักมุมจนฉ่ำ” – ซึ่งผมเชื่อว่าคนดูยุคนั้นคงอึ้งกันเยอะอยู่ครับ แล้วก็ต้องยอมรับว่าโครงเรื่องเขียนมาดี มีความซับซ้อนพลิกผันในระดับที่น่าจดจำ

หนังกำกับโดย Billy Wilder คนทำหนังระดับตำนานที่ฝากงานชั้นเยี่ยมประดับวงการไว้หลายเรื่อง กับเรื่องนี้ก็ต้องยกให้เป็นอีกหนึ่งผลงานชั้นดีครับ จังหวะการเล่าเรื่องก็คล้ายละครเวทีอยู่ ซึ่งถ้าว่ากันจากตัวหนังแล้ว หนังเล่าเรื่องแบบให้ดูง่ายครับ อันนี้ยอมรับว่าในใจนั้นอยากให้หนังมีลูกเล่นหลอกล่อเล่าแบบซับซ้อนกว่านี้สักหน่อย แต่ผมก็พอเข้าใจน่ะครับ ว่าหนังเลือกที่จะเล่าง่าย เพื่อให้ดูง่ายและเข้าใจง่าย เพื่อที่เวลาถึงจุดหักมุมแล้วคนดูจะได้ตามทัน เพราะถ้าซับซ้อนหรือสวิงสวายเกินไปคนดูอาจจะงงแทนก็เป็นได้

อันนี้ว่ากันตามยุคสมัยน่ะนะครับ ถือว่า Wilder ทำออกมาให้เหมาะกับยุคสมัย ในขณะที่ผมนั้นถ้าให้ว่าตามตรงเลยก็คืออาจไม่ได้ฮือฮาตื่นเต้นอะไรกับหนังมากนัก ซึ่งก็คงเพราะผมผ่านหนังหักมุมซับซ้อนมาหลายกระบวนท่าหลากลีลาแล้ว ทำให้ระหว่างดูพอสังเกตโน่นนี่นั่นในหนัง มันเลยพอเดาทางได้ และด้วยกระบวนท่าการเล่าแบบมาตรฐานก็เลยอาจไม่ทำให้ตื่นเต้นอะไร แต่ผมก็มองว่านี่เป็นหนังเก่าอายุเกือบ 70 ปีแล้วน่ะครับ คือถ้าชาติก่อนผมเคยได้ดูเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ผมอาจฮือฮามากๆ เลยล่ะ แต่พอเราผ่านหนังแนวนี้มาเยอะทั้งหนังและซีรี่ส์ ก็เลยไม่แปลกที่จะไม่กรี๊ดกร๊าดอะไร อันนี้ไม่มองว่าปัญหาอยู่ที่หนังครับ แต่มองว่าปัญหาอยู่ที่การรับรู้ของเรามากกว่า

Untitled07512

แต่ถ้ามองตามเนื้อผ้า ณ ยุคสมัยของหนังก็ต้องยอมรับล่ะครับว่าหนังถือว่าล้ำและเขียนบทได้อย่างฉลาดทีเดียว บวกกับพลังดาราแห่งยุคนั้นไม่ว่าจะ Laughton, Power หรือคนที่ผมถือว่าเป็นไฮไลท์ของเรื่องอย่าง Marlene Dietrich ที่มารับบทคริสทีน ภรรยาของเลนนาร์ด รายนี้นี่เพิ่มความสนุกน่าติดตามให้กับหนังอย่างยิ่ง

ดังนั้นการจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุก เราก็ต้องปรับอารมณ์และทำความเข้าใจกับยุคสมัยของหนังด้วยครับ ผมอยากให้มองว่านี่คือต้นตำรับหนังหักมุมที่ด้วยความสำเร็จของมันส่งผลให้เกิดสารพัดหนังหักมุมตามออกมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน ว่าง่ายๆ คือต้องขอบคุณเรื่องนี้นี่แหละครับที่เป็นหลักไมล์ให้กับหนังสไตล์นี้ – ถ้าไม่มีเรื่องนี้ หรือถ้าไม่มีสารพัดบทประพันธ์ของ Agatha Christie ล่ะก็ เราอาจไม่ได้สนุกกับสารพัดหนังหักมุมแนว Whodunit มากมายแบบที่เป็นทุกวันนี้ก็เป็นได้

ก็ว่าไปตามใจคิดแบบตรงๆ ครับ ก็ต้องแยกกันระหว่างคุณงามความดีของหนัง ณ ยุคสมัยของมัน กับความชอบ-ไม่ชอบ ตื่นเต้น-ไม่ตื่นเต้นของตัวผมเอง ซึ่งมันล้วนมีเหตุผลน่ะครับ เพียงแค่ต้องแยกแยะพิจารณากันไป ดังนั้นถ้าจะถามว่าผมชอบหนังเรื่องนี้ไหม? ก็ตอบได้ว่าผมชอบในฐานะหนังต้นตำรับระดับตำนานของการหักมุม เป็นความชอบแบบรู้สึกขอบคุณน่ะครับ ขอบคุณที่มีคนทำหนังแบบนี้ออกมาเพื่อให้คนดูได้เสพประสบการณ์แปลกใหม่ (ณ เวลานั้น) และส่งผลให้มีหนังแนวนี้ออกมาเรื่อยๆ จนหล่อหลอมผมให้กลายเป็นหนึ่งในแฟนหนังแนวนี้

แต่ถ้าถามว่าจะดูซ้ำไหม? ก็ตอบตามจริงว่าผมคงไม่ดูซ้ำน่ะครับ คือดูสักรอบหนึ่งเพื่อให้รู้ เพื่อลองสัมผัสประสบการณ์สักครั้ง แล้วก็ลองนึกภาพตามว่าคนยุคนั้นจะว้าวขนาดไหนกับหนังหักมุมเรื่องนี้ – ว่าง่ายๆ คือรู้สึกขอบคุณความดีของหนัง แต่ไม่ได้ชอบแบบ “ชอบ” แบบที่จะเอามาดูซ้ำเพื่อความสนุก

ทีนี้ท่านจะดูหรือไม่ก็ต้องแล้วแต่ล่ะนะครับ ถ้าให้ผมแนะนำ ผมอยากแนะนำให้ท่านดูเพื่อเสพหนังหักมุมระดับตำนานนี้สักครั้ง ท่านอาจชอบมากกว่าผม ท่านอาจอยากดูซ้ำ-ดูแล้วดูอีกก็เป็นได้ ของแบบนี้ต้องลองครับ แต่ถ้าจะให้ดี ท่านควรถอดเอาความคาดหวังวางไว้ก่อน อย่าคิดว่าท่านต้องอึ้งสุดๆ ตะลึงจัดๆ คิดเพียงว่าดูหนังสืบสวนขึ้นโรงขึ้นศาลสักเรื่อง ท่านอาจรู้สึกโอเคกับหนังมากกว่าที่คิดก็ได้

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หนังเรื่องนี้ก็มีดีน่ะครับ ควรค่าแก่การรับชมสักครั้ง

สามดาวครับ

Star31

(8/10)