
หลังจากดูจบแล้วก็ไปนอนคิดหนึ่งตื่นว่าตกลงเราชอบ Godzilla x Kong: The New Empire ไหม พอตื่นมาก็ได้คำตอบครับว่าผมอยู่ในข่ายชอบครับ
บอกก่อนว่าผมไม่ได้ชอบในแง่ของความมันส์ครับ ว่าตามจริงถ้าจะเอาฉากไฝว้กันมันส์ๆ ของเหล่าพี่เบิ้ม ผมว่าผมติดตาภาค King of the Monsters และ Godzilla vs. Kong มากกว่าครับ เพราะมันดูใหญ่ ดูแกรนด์ ทั้งในแง่งานฉากและการได้เห็นพี่เบิ้มหลากสายพันธุ์มาฟัดกันแบบอลังการสายตา ซึ่งก็สอดคล้องกับทุนสร้างครับ เพราะ 2 ภาคก่อนทุนอยูที่ประมาณ $170 ล้าน และ $200 ล้าน ในขณะที่ภาคนี้ทุนอยู่ที่ราวๆ $135 ล้านครับ – เลยพอเข้าใจได้หากอะไรๆ จะดูขนาดย่อมลงมา
ภาคนี้ผมชอบในแง่ความกลมกล่อมครับ อย่างแรกเลยที่ชอบและถือว่าเป็นพัฒนาการของหนังคือ สัดส่วนเรื่องราวมันมีความสมดุลระหว่างเหล่าพี่เบิ้มกับเหล่ามนุษย์เดินดิน ซึ่งอันนี้เป็นอะไรที่ติดในใจอยู่เสมอครับเพราะภาคก่อนๆ นี่เหล่ามนุษย์มักออกแนวบทสมทบ หรือไม่บางครั้งก็แทบจะเป็นส่วนเกินด้วยซ้ำ แต่มาภาคนี้เรื่องราวในส่วนของมนุษย์มันดูมีอะไร ตัวละครทั้งหลายก็มีโมเมนต์ของตัวเอง มีมิติ และมีวาระชวนให้จดจำ อย่าง Rebecca Hall กับ Kaylee Hottle ก็ดูเป็นคู่แม่ลูกที่มีสายใยผูกพัน (แม่จะไม่ใช่แม่ลูกกันจริงๆ ก็ตาม) แล้วก็ได้ Brian Tyree Henry กลับมารับบทเบอร์นี่ย์ ซึ่งพี่ท่านก็ช่างพล่ามและขโมยซีนเหมือนเคย
สารภาพว่าตอนแรกผมเข้าใจผิดครับ คือผมนึกว่า Dan Stevens ที่เล่นเป็นแทรปเปอร์นั้นคือพระเอกจากภาคก่อน แต่เปล่าครับ ภาคก่อนน่ะพระเอกคือ Alexander Skarsgård แต่ด้วยความที่หน้าพวกพี่เขาไปโทนเดียวกัน ผมเลยจำสับสน 555 ซึ่งสำหรับ Stevens นี่ก็นับว่าขโมยซีนได้ไม่น้อยเหมือนกัน ดูเป็นหนุ่มอารมณ์ดี มีจิตวิญญาณเสรีและมีความคิดนอกกรอบ ยิ่งตอนพี่เขาประกบคู่กับ Henry นี่ก็เรียกเสียงฮาได้ในหลายวาระเลยล่ะ
ผมชอบฉากที่แทรปเปอร์พูดเตือนสติเบอร์นี่ย์เรื่องที่เบอร์นี่ย์จะถ่ายเอาภาพของชนเผ่าใต้พิภพไปอวดโฉมให้ชาวโลกได้เห็น ประมาณว่าถ้าเบอร์นี่ย์ทำแบบนั้นแล้ว จะส่งผลต่อชนเผ่านี้อย่างไรต่อไป ชาวเผ่าจะยังใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมอีกไหม เป็นฉากเล็กๆ ที่ทำให้เห็นตัวตนของแทรปเปอร์และเบอร์นี่ย์ได้ไม่เลวครับ
และอีกอย่างที่ชอบคือเนื้อเรื่องส่วนของมนุษย์นั้นเพิ่มกลิ่นอายความเป็นหนังผจญภัยลงไป ไม่ว่าจะตอนพวกเขาเดินไปเจอโบราณสถาน หรือฉากพีระมิดใต้ดิน อะไรพวกนี้ถือเป็นเสน่ห์แบบหนังผจญภัยไปยังคินแดนที่ไม่รู้จักครับ – ไม่ได้บอกว่าฉากพวกนี้เด็ดสุดยอดนะครับ แต่หมายถึงการได้เห็นฉากอะไรแบบนี้มันรู้สึกดีครับ ส่วนหนึ่งอาจเพราะผมโหยหาอะไรแบบนี้น่ะครับ ไม่ค่อยมีหนังแบบนี้ออกมาเท่าไร
แต่ก็นั่นล่ะครับ พอหนังแบ่งพื้นที่ให้กับตัวละครฝ่ายมนุษย์มากขึ้น พื้นที่บนจอของเหล่าพี่เบิ้มก็เลยลดลงไป โดยพี่คองจะบทเยอะหน่อย ส่วนก็อดซิลล่าก็จะบทน้อยกว่า ถ้าให้ว่าตามจริงเลยก็คือผมยังเห็นพี่ก็อดฟัดไม่สะใจเท่าไรเลยครับ – ผมเนี่ยตอนได้ยินว่าพี่ก็อดจะไปฟัดกับเทียแมทที่ใต้น้ำนี่มันรู้สึกตื่นเต้นเลยครับ ครั้นพอพวกพี่เขาตีกันจริงๆ ปรากฏว่าใช้เวลาแค่นาทีเดียว 5555 คือไปไวมาก – โมเมนต์นั้นภาพสวยอยู่ครับ สีสันเทียแมทฉูดฉาดบาดใจทีเดียว แต่มันโผล่น้อยไปหน่อยเท่านั้นแหละ

ส่วนฉากตีกันตอนไคลแม็กซ์ก็โอเคครับ มีลุ้นมีอะไรอยู่พอสมควร แต่ถ้าให้เทียบกันแล้วก็ต้องบอกว่ายังไม่สะใจได้ใจเท่า 2 ภาคก่อน อันนี้ก็ต้องบอกไว้ให้เผื่อๆ ใจไว้หน่อยครับ – ตามความเห็นผม ผมว่าภาคนี้ฉากฟัดเน้นพอดีคำครับ ในขณะที่ภาคก่อนๆ จะค่อนข้างเล่นใหญ่ให้เยอะ
ภาคนี้ยังคงกำกับโดย Adam Wingard ซึ่งก็ถือว่าผลลัพธ์ยังโอเคครับ ถ้าต้องเทียบกับภาค God Vs. Kong ก็คงต้องบอกว่าเด่นกันคนละแบบ ภาคโน้นเด่นเรื่องความสะใจในฉากที่พี่เบิ้มซัดกัน แต่ด้านเรื่องราวฝ่ายมนุษย์ถือว่ายังไม่เท่าไร ส่วนภาคนี้เรื่องฝ่ายมนุษย์ลงตัวขึ้น แต่ดีกรีความเดือดของเหล่าพี่เบิ้มก็ดูจะลดขนาดลง – พอหักกลบลบแล้ว ก็เลยรู้สึกพอๆ กัน
แต่ผมชอบแนวคิดของพี่ Adam นะ คือพี่เขาบอกว่าอย่างหนึ่งที่เขาตั้งใจจะสื่อออกมาเลยคือ เขาอยากสื่อให้เราเห็น “ด้านดีของมนุษยชาติ” ผ่านตัวคอง และสื่อ “ด้านเลวร้ายของมนุษยชาติ” ผ่านตัวสการ์คิง วายร้ายประจำภาคนี้ ไม่ว่าจะเรื่องการกดขี่เหยียบย่ำผู้ที่อ่อนแอกว่า, การใช้กำลังครอบครองทุกสิ่ง, ความเจ้าเล่ห์เพทุบาย และการควบคุมพลังธรรมชาติ (ซึ่งก็คือ ชิโม ไททันดีกดำบรรพ์พันธุ์น้ำแข็ง) เอามาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน – ก็เป็นอะไรที่เห็นภาพดีครับ
และอีกหนึ่งตัวละครที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือมินิคองครับ ขโมยซีนได้ไม่เลว ผมดีใจมากเลยนะที่มันไม่ออกมาน่ารำคาญ อันนี้ยอมรับเลยว่าแอบกลัวครับ กลัวว่ามันจะดูน่ารำคาญ หรือทำให้หนังดร็อปลง แต่กลายเป็นว่าเจ้าตัวเล็กนี่บวกความสนุกให้หนังได้ไม่น้อย
สรุปว่าหนังก็ดูสนุกเพลินตามสไตล์หนัง MonsterVerse ครับ – แต่ผมก็ยังชอบ Kong: Skull Island ที่สุดอยู่ดี – ยกเว้นว่าใครที่ติดอกติดใจความมันส์อลังใน 2 ภาคก่อนก็อาจรู้สึกว่าภาคนี้ยังฟัดไม่เต็มที่ อันนี้ก็ต้องเผื่อใจไว้นิดครับ
ขอจบบทความนี้ด้วยการบอกความหวังและความฝันของผมตามเคย… ผมยังรอเห็นพี่ก็อดและพี่คองไปฟัดคธูลูอยู่นะครับ ไหนๆ ก็สำรวจฮอลโลว์เอิร์ธซะขนาดนี้แล้ว เอาไว้สักภาคในภายหน้าก็หาเรื่องไปสำรวจใต้สมุทรดูสักครา น่าจะมันส์ (แต่ทุนสร้างคงบานตะไทแหงมๆ)
สองดาวครึ่งครับ

(7/10)
หมวดหมู่:Action, Adventure, Kaiju, Monster Movies, Movie Reviews, Sci-Fi










