Action

Colors (1988) ตำรวจเลือดเข้ม

Untitled07050

Colors หนังตำรวจคู่หูอีกเรื่องแห่งยุค 80 ที่ไม่ได้มันส์ในแง่ของแอ็คชั่น (เพราะหนังไม่ได้เน้นแอ็คชั่นน่ะนะครับ) แต่จะมาเข้มข้นตรงการแสดงของ 2 ดารานำอย่าง Sean Penn และ Robert Duvall

Penn รับบท แดนนี่ แมคเกวิน ตำรวจหน้าใหม่ไฟแรงที่ได้มาจับคู่กับ บ็อบ ฮอดเจส (Duvall) ตำรวจมือเก๋าที่ใกล้จะเกษียณ และหน้าที่ของพวกเขาก็คือลาดตระเวนสอดส่องเหล่าแก๊งอันธพาลที่มักจะเขม่นกันและก่อเรื่องรุนแรงอยู่บ่อยๆ

อย่างที่บอกครับว่าหนังไม่ได้เน้นบทบู๊ แต่จะเน้นการสะท้อนการทำงานต่างวิธีของ 2 ตัวนำ อย่างแดนนี่นี่จะออกแนวเลือดใหม่ใจร้อนที่พร้อมจะตะครุบอันธพาลทุกคนที่ฝ่าฝืนกฎหมายแบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ในขณะที่มือเก๋าอย่างบ็อบจะใช้แนวทางพระคุณนำพระเดช มักจะผูกมิตรกับชาวแก๊งเป็นหลัก ทั้งเพื่อเลี้ยงไว้เป็นสายข่าวและหมายจะใช้วิธีละมุนละม่อนเพื่อบรรเทาความรุนแรงที่เกิดขึ้น

ในแง่หนึ่งเมื่อดูหนังแล้ว ก็คล้ายๆ หนังจะบอกว่าไม่ว่าจะวิธีไหนมันก็มีข้อดีข้อเสีย จุดแข็งจุดอ่อนด้วยกันทั้งสิ้น การจะใช้วิธีไหนก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และตัวบุคคลซึ่งว่ากันตรงๆ ก็คือมันก็ยากน่ะนะครับที่จะรู้ได้ ณ สถานการณ์นั้นว่าวิธีไหนถึงจะนำมาซึ่งทางออกที่ถูกต้อง อย่างการใช้วิธีละมุนละม่อมของบ็อบ ถ้าใช้กับคนที่สมควรได้รับโอกาส คนที่มีจิตสำนึก มันก็อาจทำให้คนๆ นั้นเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ แต่หากไปละมุนกับคนที่ยังไงๆ ก็ไม่กลับตัว มันก็ไม่ต่างอะไรจากการปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยภัยร้ายกลับสู่สังคม

และถ้าดูจากบทสรุปแล้ว หนังก็เหมือนจะบอกน่ะครับ ว่าไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็เถอะ แต่ตราบใดที่ยังมีคนตั้งต้นเป็นอันธพาล ใช้กำลังสร้างอำนาจ ใช้ความรุนแรงกรุยทางสะดวกให้กับตนและพวกพ้อง ตราบนั้นปัญหาก็จะยังไม่จางหาย จะยังต้องมีทั้งคนตายและคนเจ็บ (ไม่ว่าจะฝั่งตำรวจ ผู้บริสุทธิ์ หรือฝั่งชาวแก๊ง) รวมถึงจะมีทั้งคราบน้ำตาและความสูญเสียเกิดขึ้นในสังคมต่อไป

ดูแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ พร้อมบอกตัวเองและคนรอบตัวว่า ดูแลตัวเองให้ดีๆ ก็แล้วกัน เพราะภาพที่เห็นในหนังนั้นก็หาใช้แฟนตาซีแต่อย่างใด แต่มันคือส่วนหนึ่งของสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมทุกวันนี้ เราเห็นกันอยู่ทุกวันตามข่าวและสื่อทั้งหลาย สิ่งที่พอจะทำได้คือพยายามนำตัวเองให้ห่างไกลจากอะไรเหล่านี้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมถึงสอนลูกสอนหลานเท่าที่เราจะมีกำลัง

Untitled07051

สำหรับตัวหนังนั้นถือว่าดีทีเดียวครับ พลังของ 2 ดารานำอย่าง Penn และ Duvall ถือว่าเอาอยู่ แสดงได้ดีทั้งคู่และทำให้เราอยากตามเรื่องราวไปจนจบ ส่วนดาราแวดล้อมก็ถือว่าเสริมความน่าติดตามให้หนังได้ไม่น้อยเหมือนกัน ไม่ว่าจะ Maria Conchita Alonso ในบท หลุยซ่า โกเมซ สาวที่แดนนี่ตกหลุมรัก และบทของเธอก็สะท้อนอะไรบางอย่างได้ไม่น้อยเหมือนกัน และเราจะได้เจอกับ Don Cheadle ในบทร็อคเก๊ต และ Damon Wayans ในบททีโบน 2 หน่อนี้มาเป็นเหล่าอันธพาลในเรื่องน่ะครับ จริงๆ ต้องบอกว่าตัวละครในเรื่องส่วนใหญ่ก็เป็นอันธพาลทั้งนั้นครับ และแต่ละคนก็แสดงได้ดี ดูสมจริงกันทั้งสิ้นด้วย – อ้อ แล้วยังมี Tony Todd ร่วมจอด้วยครับ มารับบทเล็กๆ เป็นชาวเมืองที่เอือมระอากับปัญหาสังคม

ส่วนคนกำกับก็คือ Dennis Hopper ดารายอดฝีมือผู้ล่วงลับอีกคนที่ช่วงนั้นผันตัวมาทำงานหลังกล้องครับ หลังจากแจ้งเกิดไปเต็มๆ จาก Easy Rider ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่าน่าจดจำครับ ในแง่ของการเดินเรื่องก็ถือว่าเล่าได้น่าติดตาม เมื่อมาบวกกับพลังดาราก็เลยทำให้หนังออกมาดี อาจไม่ถึงกับยอดเยี่ยมแถวหน้าสำหรับหนังแนวนี้แต่ก็ถือว่าอยู่ในโซนบวกครับ

เกร็ดเล็กๆ จากหนังก็คือตอนแรก Hopper อยากได้ Mickey Rourke มาแสดงเป็นแดนนี่ครับ หลังจากที่พวกเขาเคยร่วมงานกันใน Rumble Fish ซึ่ง Rourke ก็ยินดีมาแสดงครับ แต่พอดีพอถึงช่วงถ่ายทำ Rourke ดันติดงานหนังเรื่องอื่น เลยทำให้ Hopper ต้องให้ Penn มาเล่นแทน

และฉายาแบดบอยของ Penn นั้นก็ยังออกฤทธิ์ระหว่างการถ่ายทำครับ โดยเขาได้บันดาลโทสะไปต่อยทีมงานคนหนึ่งในกอง เหตุผลก็คือทีมงานคนนั้นไปถ่ายภาพของ Penn โดยที่เขาไม่ได้อนุญาตครับ ส่งผลให้ Penn โดนจับกุมและถูกส่งเข้าเรือนจำไปเป็นเวลา 33 วัน – วีรกรรมพี่แกตอนยังหนุ่มนั้นมีเยอะมากมายจริงๆ

หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จตอนออกฉายครับ ทำเงินในบ้านไปราวๆ $46 ล้าน (จากทุนสร้างราวๆ $6 – $10 ล้าน)

ถือเป็นหนังดราม่าตำรวจคู่หูที่ทำออกมาได้ดีครับ ใครชอบแนวนี้ก็ควรค่าแก่การลิ้มลองสักครั้งครา

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)