Action

Upgrade (2018) อัพเกรด

Untitled06790

ต้องบอกก่อนว่าใครดูตัวอย่างแล้วคาดว่า Upgrade จะเป็นหนังแอ็คชั่นบู๊มันส์สไตล์ John Wick อาจต้องคิดใหม่ครับ เพราะหนังไม่ได้เน้นบู๊อะไรมากนัก หลักๆ มันคือหนังไซไฟผสมสืบสวนครับ

เรื่องของเกรย์ เทรซ (Logan Marshall-Green) และ เอช่า (Melanie Vallejo) คู่รักที่อยู่กันดีๆ อย่างมีความสุข แต่แล้ววันหนึ่งเกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อมีคนสังหารเอช่าและทำให้เกรย์กลายเป็นอัมพาต – ในขณะที่เกรย์กำลังสิ้นหวังอยู่นั้น จู่ๆ มหาเศรษฐีเจ้าเทคโนโลยีอย่างเอรอน คีน (Harrison Gilbertson) ก็เสนอโอกาสให้เขา โดยการติดตั้งชิปสุดล้ำที่สามารถทำให้เกรย์กลับมาเคลื่อนไหวได้ เกรย์เลยคว้าโอกาสนั้นครับ เพราะเขาต้องการจะลงมือสืบหาคนที่ฆ่าเอช่าให้พบเพื่อที่เขาจะได้ชำระแค้น

ชิปที่ว่านี่ไม่เพียงทำให้เกรย์ขยับตัวได้เหมือนเดิมเท่านั้นนะครับ แต่ยังสามารถควบคุมร่างกายของเกรย์ให้ต่อสู้ได้อย่างช่ำชองอีกด้วย – ที่เราเห็นในตัวอย่างว่าเกรย์สู้ได้แบบขั้นเทพนั่นก็เพราะพลังแห่งชิปนี่แหละ

แต่ฉากบู๊นั้นมีแค่ไม่ถึง 25% ครับ ส่วนประเด็นหลักมันคือหนังไซไฟที่บอกเล่าถึงโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี บวกด้วยการสืบสวนว่าตกลงแล้วใครที่ฆ่าเอช่า และมันฆ่าเธอทำไม

ตัวหนังถือว่าดูสนุกเลยครับ ช่วงต้นๆ ตอนแนะนำตัวละครก็เรื่อยๆ อยู่บ้าง แต่หนังก็เข้าประเด็นอย่างรวดเร็ว ซึ่งหนังยาวราวๆ 100 นาทีครับ เลยไม่ยือเยื้ออะไรมาก ส่วนใหญก็เล่าเนื้อๆ ซึ่งหนังถือว่าน่าติดตามไปจนจบเลยครับ ยิ่งบทสรุปตอนท้ายนี่บอกได้ว่าน่าจะทำให้หลายท่านจำหนังเรื่องนี้ได้อย่างแม่นยำเลยล่ะ

Marshall-Green เป็นเกรย์ได้อย่างน่าปรบมือครับ การแสดงของเขามาในแนว “น้อยแต่มาก” คือไม่ได้เล่นใหญ่เล่นเยอะ แต่มันพอเหมาะสำหรับคาแรคเตอร์ของเกรย์ที่จะแสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้าและน้ำเสียงมากกว่าจะเป็นท่าทาง ส่วนรายอื่นๆ ก็ถือว่าทำได้ดีเช่นกัน

Untitled06791

ถือเป็นผลงานที่เข้าท่าแบบก้าวกระโดดของ Leigh Whannell ครับ หลังกำกับ Insidious: Chapter 3 แล้วเขาก็มาทำเรื่องนี้ซึ่งบอกได้เลยว่าหนังออกมาดีกว่าเรื่องก่อนมาก พล็อต (ซึ่งเขาก็เป็นคนเขียน) ถือเป็นส่วนผสมที่ได้ที่ระหว่างหนังไซไฟเก่าๆ แบบ Blade Runner หรือ RoboCop บวกเข้ากับลีลาหนังแอ็คชั่นรุ่นใหม่ที่เน้นฉบับไวและหนักแน่น บรรยากาศในเรื่องก็ไซไฟแบบกำลังดีเลยครับ คือมันไม่ได้ดูไซไฟแค่ภาพ แต่สภาพแวดล้อมในเรื่องมันให้อารมณ์หนังยุคอนาคตจริงๆ ทั้งผู้คน วิถีชีวิต ภาพบ้านเมืองและรถราต่างๆ มันดูใช่มากจริงๆ

ที่ค่อนข้างทึ่งคือหนังใช้ทุนไป $5 ล้านเท่านั้นครับ – ในขณะที่หนังไซไฟบางเรื่องใช้ทุนอย่างเยอะ แต่ยังทำให้ได้อารมณ์ไซไฟขนาดนี้ไม่ได้เลย คือมีดีแค่ภาพน่ะครับ แต่อารมณ์มันไม่ได้แบบที่เรื่องนี้ทำเอาไว้

รอบแรกที่ดูก็ประทับใจแล้วครับ ครั้นเอามาดูซ้ำก็ยังชอบเหมือนเดิม และรู้สึกสนุกมากขึ้นด้วยเพราะดูรอบหลังก็ได้นั่งเก็บรายละเอียดอีกที

เสียดายที่หนังไม่ค่อยทำเงินครับ คือทำไป $16 ล้านจากทั่วโลก แต่เชื่อว่าตอนนี้คงกำไรไปไม่น้อยแล้วล่ะ เพราะหนังมาได้รับการกล่าวถึงมากขึ้นหลังลงสตรีมมิ่ง เพราะของเขาสนุกน่ะครับ ฉากบู๊แม้จะมีไม่เยอะ แต่ก็ดูมันส์สะใจเอาเรื่อง และที่มันชอบแบบสุดๆ ก็เพราะบรรยากาศแสนจะไซไฟนี่แหละ มันได้ใจจริงๆ

และหนังยังทิ้งประเด็นไว้ให้คิดครับ ประเด็นที่ว่านี้ก็เป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในวงการ บางคนมองว่า AI อาจก่ออันตรายให้กับมนุษยชาติได้ ในขณะที่อีกกลุ่มก็มองว่า AI ไม่มีทางก่ออันตรายให้มนุษย์ได้หรอก แต่ละฝ่ายก็จะมีเหตุผลต่างกันไป ซึ่งหนังก็ชี้ชวนให้เราขบคิดถึงประเด็นนี้เช่นกัน

สำหรับเรื่องภาคต่อนั้นตอนแรกก็มีการพูดถึงซึ่งใครๆ ก็คิดว่าจะมาเป็นหนังครับ แต่ล่าสุดเหมือนว่าภาคต่อจะมาในรูปแบบของซีรี่ส์แทน ก็จับตากันต่อไปครับ

สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ

Star22

(7.5/10)