Horror

The Nun II (2023) เดอะ นัน II

Untitled06478

การตามมาดู The Nun II นี่ สำหรับผมเหมือนทำตามหน้าที่น่ะครับ ไหนๆ ก็ตามดูจักรวาล The Conjuring มาถึงป่านนี้แล้ว เขาทำออกมาก็ตามดูกันต่อไป โดยที่ใจนั้นก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย ยิ่งรู้ว่าหนังกำกับโดย Michael Chaves แห่ง The Curse of La Llorona และ The Conjuring: The Devil Made Me Do It ความคาดหวังยิ่งลดลงไปใหญ่

ภาคนี้ก็สานต่อเรื่องจากภาคก่อนครับ แม่ชีไอรีน (Taissa Farmiga) ต้องมาเจอกับฤทธิ์เดชของผีแม่ชีอีกรอบที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งถ้าผมบอกรายละเอียดไปก็อาจเป็นการสปอยล์ภาคแรกอีก ดังนั้นก็คงไม่เล่าอะไรมากล่ะครับ และจริงๆ ผมว่าผมไม่ควรเล่าเยอะด้วย เพราะเนื้อหาจริงๆ น่ะมันไม่มีอะไรมากครับ ดังนั้นให้พอมีอะไรหลงเหลือไปติดตามดูในหนังบ้างน่าจะดีกว่าน่ะนะครับ

สิ่งแรกที่สะดุดตาผมคือน้อง Anna Popplewell ครับ ดีใจที่ได้เจอเธออีกหลังจากไม่ได้เจอมาตั้งนาน เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นหน้าครับเพราะเธอคนนี้รับบทซูซานในหนังชุด The Chronicles of Narnia มาก่อน มาเรื่องนี้รับบทคุณครูเคทที่ถือเป็นบทสมทบที่มีบทบาทพอสมควร จะว่าไปหนังภาคนี้ (รวมถึงภาคก่อน) ตัวละครไม่เยอะครับ แจกแจงและจดจำกันได้ไม่ยาก นอกจากเธอและแม่ชีไอรีนแล้ว ก็ยังมีเดบรา (Storm Reid) อีกหนึ่งแม่ชีที่ตั้งใจออกตัวช่วยแม่ชีไอรีนในการสู้กับผีร้าย และที่ลืมไม่ได้คือ Jonas Bloquet ที่คนดูภาคแรกคงจำเขาได้

ภาคนี้หนังค่อนข้างเรื่อยๆ ครับ การเดินเรื่องครึ่งแรกนี่เรื่อยมากจนสารภาพเลยว่าผมมีหลับเป็นช่วงๆ ต้องเอาน้ำมาลูบหน้าอยู่หลายรอบเพื่อให้ตาตื่นมาดูผี ในแง่เนื้อเรื่องหนังไม่ค่อยมีอะไรมากครับ ซึ่งว่ากันตามตรงก็แอบผิดหวังหน่อยเหมือนกัน เพราะอย่างแรกเลยคือใจน่ะก็อยากเห็นฤทธิ์ผีแม่ชีนะ เพราะคาแรคเตอร์ของผีตนนี้น่าสนใจเยอะอยู่ – ซึ่งการที่เห็นผีแม่ชีไม่บ่อยนี่จริงๆ พอเข้าใจได้ ว่าหนังคงไม่อยากให้ผีแม่ชีโผล่จนเกร่อเกินไป เลยกั๊กไว้รอโผล่ตอนฉากสำคัญๆ อ้า อันนี้เข้าใจได้อยู่

แต่ที่อยากได้มากกว่านี้คืออยากรู้เรื่องราวของผีร้ายตนนี้เพิ่มน่ะครับ ไม่ว่าจะปูมหลัง เรื่องเล่า ประวัติศาสตร์ หรือตำนานก็ได้ คืออยากรู้จักผีแม่ชีเพิ่มเติม ซึ่งปกติแล้วหนังผีหลายๆ เรื่องหากมีภาคต่อตามออกมาก็มักจะเอาเรื่องราวที่เรายังไม่รู้มาเล่าเสริมเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ หรือไม่ก็เพิ่มความขลังให้กับผีตนนี้ แต่กับเรื่องนี้นี่เราแทบจะไม่ได้รู้จักผีตนนี้เพิ่มเลยครับ ยอมรับว่าเสียดายในจุดนี้เหมือนกัน

พอเนื้อเรื่องไม่มีอะไรมากแล้ว หนังก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับ “ฉากรอผีหลอก” ก็จะประมาณนี้ครับ เปิดฉากมาก็จะให้ตัวละครที่กำลังจะโดนหลอกโผล่หน้ามาก่อน ตัวละครนี้จะต้องกำลังอะไรสักอย่าง แล้วสักพักบรรยากาศก็จะเริ่มมา ความผิดปกติเริ่มเกิด แล้วต้องทิ้งช่วงรออีกพักหนึ่งผีก็จะโผล่ตุ้งแช่ออกมาแฮ่ให้ตกใจ – แน่นอนครับว่าผีจะไม่โผล่มาตั้งแต่ 5 วิแรกของฉาก แบบนั้นทำไม่ได้ครับ ผิดกฎมณเฑียรบาล เดี๋ยวฟ้าดินจะลงโทษ (5555)

Untitled06479

ซึ่งกระบวนท่านี้ถือเป็นท่ามาตรฐานของผู้กำกับ Chaves ครับ 2 เรื่องที่แล้วก็มาทรงนี้ ซึ่งจริงๆ ผมก็ไม่อยากโทษผู้กำกับนะ ส่วนหนึ่งมันก็เพราะบทยังไม่แน่นด้วยล่ะ เพราะจริงๆ การทำฉากรอผีหลอกแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หนังผีหลายเรื่องก็ทำกันแบบนี้ แต่จุดที่แตกต่างระหว่างหนังผีที่สนุกกับหนังผีที่ดูแล้วเฉยก็คือบทนี่แหละครับ ถ้าเรื่องราวมันมีรายละเอียด มีปม มีการสืบสวนให้ติดตาม หนังมันก็จะมีรสชาติมากขึ้น แต่กับเรื่องนี้บทมันค่อนข้างโล่งน่ะครับ เมื่อมาบวกกับฉากรอผีหลอกที่มีค่อนข้างมาก มันก็เลยออกมาเรื่อยๆ ไม่เข้มข้นอะไรนัก

ยอมรับครับว่าดูเรื่องนี้แล้วไม่รู้สึกน่ากลัวเลย เฉยมาก ฉากตื่นเต้นหรือชวนลุ้นสำหรับผมนะ ฉากที่จัดว่าลุ้นสุดแล้วคือตอนที่หนูน้อยโซฟี (Katelyn Rose Downey) จะหล่นแหล่ไม่หล่นแหล่บนไม้กระดานในหอระฆังน่ะครับ ฉากนั้นผมว่าลุ้นสุดแล้วล่ะ

แล้วสิ่งที่ทำให้รู้สึกถึงความโล่งโถงมากขึ้นไปอีกคือตอนท้ายที่หนังมีการแบ่งฉากแยกออกเป็น 2 ทาง ทางแรกคือพวกตัวเอกสู้กับผีแม่ชี ส่วนอีกทางคือจะมีตัวละครเด็กนักเรียนหญิงในหออีกกลุ่มหนึ่งที่เจอกับปีศาจตามไล่ล่า คือดูแล้วมันรู้สึกเลยน่ะครับว่าหนังเพิ่มฉากพวกนี้เข้ามาเพื่อยืดเวลาออกไป เพราะมันไม่ได้ดูมีนัยสำคัญอะไรกับเรื่องราวสักเท่าไร

ไปๆ มาๆ ผมกลับชอบฉากเล็กๆ ตอนต้นเรื่องที่แม่ชีนั่งล้อมวงกันแล้วมีแม่ชีรูปหนึ่งเล่าถึงเหตุการณ์ในภาคแรก ซึ่งสะท้อนความจริงได้ครับว่าบางครั้งเรื่องเล่าที่บอกต่อๆ กันมาก็สามารถผิดเพี้ยนบิดเบือนไปได้ – ฉากเล็กๆ ที่ว่าก็กระตุ้นเรื่องวิจารณญาณได้ไม่เลวครับ ทำให้ตระหนักว่าก่อนจะเชื่อในเรื่องเล่าใดหรือข้อมูลใด เราก็ควรจะหาข้อมูลหลักฐานประกอบเพิ่มเติมเสมอ อย่าด่วนเชื่อในทันที

ก็ตามนั้นครับ สรุปว่าเฉยๆ กับภาคนี้ อ้อ แต่หนังก็ถือว่ามีดีในเรื่องโลเคชั่นนะครับ เลือกมาได้ดี ดูขลังในระดับหนึ่ง (เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้นหลอน) แล้วผมก็ชอบฉากตรง End Credits ด้วย ทำออกมาได้ดูน่ากลัวและหลอนกว่าตัวหนังจริงๆ ซะอีก

แต่ไม่ว่าจะยังไงหนังก็ยังขายได้ครับ ทำเงินทั่วโลกไป $257 ล้าน อาจไม่มากเท่าภาคแรกที่เคยทำไว้ ($366 ล้าน) แต่ก็กำไรแน่นอนล่ะครับ เพราะทุนสร้างน่ะเพิ่งจะแค่ $38 ล้านเท่านั้นเอง – ผียังคงให้ลาภผู้สร้างต่อไปครับ

ไม่ถึงสองดาวครับ

Star12

(5.5/10)