
The Protege เป็นหนังแอ็คชั่นทริลเลอร์ว่าด้วยโลกของนักฆ่าที่น่าสนใจพอตัวในครึ่งแรกครับ ก่อนที่อะไรๆ จะดูธรรมดาขึ้นตามลำดับในครึ่งหลัง
เปิดมาหนังแนะนำให้เรารู้จักกับมู้ดดี้ (Samuel L. Jackson) มือสังหารระดับตำนานที่มีโอกาสได้ช่วยเด็กหญิงคนหนึ่งเอาไว้ แล้วเขาก็ฝึกเธอให้กลายมาเป็นแอนนา (Maggie Q) นักฆ่ายอดฝีมือ โดยมู้ดดี้กับแอนนาก็ร่วมงานกันมานานนับสิบปีครับ จนกระทั่งมีคนมาเล่นงานมู้ดดี้ แอนนาเลยหมายมั่นที่จะตามหาคนทำและล้างแค้นให้จงได้
ครึ่งแรกผมว่าใช้ได้นะ มันอาจไม่ได้เจ๋งสุดๆ แต่ก็ถือว่าใช้ได้ตามมาตรฐานของหนังสไตล์นี้ แอ็คชั่นอาจไม่ได้เยอะแต่ก็ถือว่าโอเค ส่วนของดีจริงๆ ที่ทำให้หนังน่าติดตามก็คือการแสดงเวิร์กๆ ทั้งของ Maggie Q และ Jackson ที่ดูแล้วเชื่อว่าพวกเขาผูกพันกันมานานจริง รายแรกก็ดูสวย มั่น เท่ห์สมกับเป็นนักฆ่า ส่วนรายหลังก็เปี่ยมอารมณ์ขันตามสไตล์ ก่อนจะเสริมด้วยตัวละครอย่างไมเคิล เรมแบรนดท์ (Michael Keaton) ที่มาพร้อมมาดน่าสนใจ
ครั้นพอเกิดเรื่องกับมู้ดดี้ หนังก็เข้าสู่โซนตามล่าไขปริศนา ส่วนนี้ก็ยังพอโอเค ดูได้เรื่อยๆ อยู่ แม้ปมจะไม่ได้เกินคาดอะไรนัก แต่ก็ถือว่ายังน่าติดตามอยู่เพราะแอนนาต้องเดินหน้าลุยเสี่ยงตายในหลายวาระ แต่ทีนี้พอหนังเดินเรื่องไปถึงโซนหลัง ความมันส์กลับไม่ใคร่จะทวีขึ้นสักเท่าไร จริงๆ ตอนท้ายคิวบู๊สู้กันน่าจะมันส์ขึ้นโดยเฉพาะตอนโค่นบอสใหญ่ แต่หนังกลับหาทางลงค่อนข้างง่ายครับ คือเลือกที่จะเดินในเส้นดราม่ามากกว่าจะเป็นแอ็คชั่น ดีกรีความลุ้นเลยลดระดับลง ยิ่งตอนท้ายสุดเมื่อแอนนาต้องเผชิญหน้ากับเรมแบรนดท์ หลายอย่างยิ่งดูง่ายจนอดรู้สึกไม่ได้ว่ามันง่ายไปหน่อยไหมเนี่ย
โดยรวมแล้วหนังก็ถือว่าดูได้ครับ โอเคอยู่ ไม่ได้แย่อะไร อย่างน้อย Martin Campbell (GoldenEye, The Mask of Zorro, Casino Royale) ก็ยังคุมหนังให้น่าสนใจได้บ้าง เมื่อมาบวกกับดาราฝีมือดีๆ มันเลยพอจะโอเค – แม้ว่าจริงๆ แล้วมันจะโอเคและมันส์ได้อีกก็ตาม – ถ้าให้เทียบกับผลงานของเขาที่อยู่ในระดับพอๆ กันแล้ว เรื่องนี้ก็ถือว่าพอๆ กับ Memory ที่ป๋า Liam Neeson เล่นน่ะครับ
ยอมรับเลยว่าตอนครึ่งท้ายมันพอจะเดาๆ ได้น่ะครับ โดยเฉพาะชะตากรรมของตัวละครหนึ่งที่กะไว้แล้วล่ะว่าต้องเป็นแบบนี้ แต่ก็ยอมรับอีกเช่นกันว่าพลังที่ดึงให้ผมดูหนังต่อจนจบไม่ใช่ตัวเนื้อเรื่อง – ที่แม้จะดูซับซ้อน แต่มันก็เป็นการซับซ้อนตามสูตรที่หนังแนวนี้ใช้กันมาไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง จนแม้จะไม่อยากเดา แต่มันก็เดาได้แบบอัตโนมัติ – แต่พลังที่ดึงให้ผมติดตามหนังนั้นก็คือคนแสดงครับ โดยเฉพาะ Keaton นี่ผมว่าแกสนุกกับการเล่นบทแบบนี้นะ เป็นตัวละครร้ายๆ เท่ห์ๆ ฉลาดๆ มาดเยอะและขี้เล่น นี่ถ้าหนังไม่มีตัวละครนี้ หรือคนที่มาแสดงบทนี้เล่นได้ไม่ถึงระดับนี้ล่ะก็ หนังคงจืดลงเยอะครับ
ถามว่าผิดหวังไหม จริงๆ ก็ไม่หรอกครับ เพราะไม่ได้หวังไว้แต่แรก และอาจเพราะไม่ได้หวังนี่แหละเลยทำให้ครึ่งแรกของหนังพอจะเพลินอยู่บ้าง
สองดาวครับ

(6/10)

หมวดหมู่:Action, Movie Reviews, Thriller










