
นี่คือการเอานิยาย “เล็กเซียวหงส์” ของโกวเล้งมาสร้างอีกรอบนะครับ หลังจากฉบับปี 76 ของหลิวสงเหยินแล้ว ก็มีอันนี้ออกมาอีกอันหนึ่ง โดยได้ว่านจื่อเหลียง (Alex Man) ดาราเจ้าบทบาทอีกคนมาสวมบทเป็นจอมยุทธสี่คิ้วเล็กเซียวหงส์ ซึ่งภาคนี้ถือเป็นตอนต่อจากภาคหลิวสงเหยินก็ได้ เพราะมีการจับเอาตอนของนิยายที่ยังไม่ได้ถูกนำมาทำเป็นหนังเอามาทำต่อนะครับ
โดยในภาคหลิวสงเหยินนั้น ก็ได้เอาตอน หงส์ผงาดฟ้า, สองนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ และ หมู่ตึกภูตพราย มาทำ สำหรับภาคนี้ก็ได้จับเอาตอน จอมโจรปักดอกไม้ อันเกี่ยวกับคดีลึกลับที่มีจอมยุทธปริศนาคอยทำร้ายชาวยุทธโดยจู่โจมที่ดวงตาจนบอดกันไปหลายราย พี่เล็กของเราก็ต้องมาตามล่าหาความจริง ตามด้วย ตอน บ่อนพนันเบ็ดเงิน แล้วก็ปิดท้ายด้วยตอนเกาะมหาภัย
แปลกดีนะครับ เมื่อตอนที่ผมเขียนรีวิวเรื่องนี้เป็นหนแรกเมื่อหลายปีก่อน พบว่าข้อมูลของเล็กเซียวหงส์ภาคนี้มีไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ พยายามคุ้ยๆ ก็ถือว่าน้อยมาก แต่ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยผมก็ได้ดูแล้วน่ะนะครับ ซึ่งผมชอบตัวละครเล็กเซียวหงส์อยู่แล้วครับ และอีกอย่างคือตัวละครทั้งหลายในนิยายชุดนี้ไม่ว่าจะสร้างมากี่ทีหรือเนื้อเรื่องซ้ำกี่รอบ แต่เสน่ห์ของเรื่องราวกับตัวละครมันก็ยังน่าสนใจอยู่เสมอ เหมือนอาหารเมนูนิยมนั่นแหละครับ แม้จะกินบ่อยแต่ก็ไม่เบื่อ กินได้เรื่อยๆ
ซึ่งภาคนี้ก็เรื่อยๆ น่ะครับ อันนี้ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรมากนะ เรามาว่ากันที่จุดโอเคก่อน นั่นคือตัวหนังเองที่ออกมาดูได้เพลินๆ ดาราแต่ละเจ้าคัดมาได้น่าสนใจ อย่างพี่ว่านจื่อเหลียงกับบทเล็กเซียวหงส์ ก็นับว่าไม่เลวครับ ท่าทางองอาจดี แล้วก็ตามด้วยฮวยมั่วเล้าซึ่งก็ได้หวางวิ่นไฉ (Wan Choi Wong) ผู้เคยรับบทนี้มาแล้วจากฉบับหลิวสงเหยิน กลับมารับบทเช่นเดิม แล้วเรายังจะได้เจอกับ โอวหยางเจิ้นหัว (Bobbie Au-Yeung) มาในบทหลวงจีนสัตย์ซื่อครับ
ดารารายอื่นๆ ถือว่าโอเคครับ แต่ที่จะตะขิดตะขวงใจสักหน่อยก็คือ ฮุ่ยเทียนซื่อ (Austin Wai) เจ้าของบทเทพกระบี่เป่าโลหิตไซมึ้งชวยเสาะ ที่แม้เขาจะเป็นดาราฝีมือดีขั้นเทพ แต่จะว่าไปเขาก็ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะที่สุดสำหรับบทนี้ คือผมว่าบทที่เหมาะจริงๆ ของเขาหนีไม่พ้นบทตงง้วนเจ๊กเตี้ยมอั้งแห่งชอลิ้วเฮียงภาคถล่มวังค้างคาว อันนั้นเหมาะมาก เพราะพี่แกต้องนิ่ง องอาจแบบเหมือนเจ้าชายในเงาจันทร์น่ะครับ มีแสดงอารมณ์ออกมาบ้างพอประมาณ แต่ในขณะที่บทไซมึ้งนั้นจะออกแนวองอาจ เหนือโลก ไม่สนกฎเกณฑ์โลกแต่มีกฎเกณฑ์ของตนเอง เป็นเทพเป่าหิมะที่มีรัศมีประดุจแสงตะวัน หากพูดให้ชัดคือบุคลิกของไซมึ้งกับเจ๊กเตี้ยมอั้งแม้จะคล้ายกัน แต่โทนของบุคลิกก็ราวกับจะเป็นขาวดำของกันและกันน่ะครับ อันนี้อาจเป็นมุมมองของผมน่ะนะครับ แต่ด้วยความรู้สึกนี้ก็ทำให้บทไซมึ้งชวยเสาะในเรื่องยังไม่ลงล็อคแบบเต็มที่นัก
ในขณะที่ด้านเรื่องราวนั้น ก็รู้สึกว่าที่คราวก่อนฉบับหลิวสงเหยินออกมาโอเค ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากตัวนิยาย 3 ตอนนั้นน่าสนใจครับ จำได้ว่าตอนอ่านน่ะสนุกมากๆ ในขณะที่ 3 ตอนที่จับเอามาทำในฉบับนี้ต้องขอบอกว่าไม่มันส์เท่า แล้วพอเอามาทำเป็นหนังมันก็เลยทำให้ความสนุกลื่นไหลไม่เต็มร้อย เพราะโครงเรื่องไม่แข็งแรงเท่า 3 ตอนก่อนหน้า
ให้ว่าตามจริงแล้ว พี่เล็กภาคนี้ดูเพลินๆ แต่ยังไม่ถึงกับน่าติดตามเต็มที่ ผมก็ดูไปแบบเรื่อยๆ สนุกเป็นพักๆ แต่ไม่ถึงขั้นติดหนึบ และอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ตะหงิดใจคือบทตัวเอกอย่างพี่เล็กนี่แหละครับ ที่มีอะไรขัดใจเล็กๆ อยู่

จริงๆ แล้วผมว่ามันเป็นปัญหาสำหรับหนังจีนของ TVB ในระยะนั้นเหมือนกันครับ (ยุค 80) เพราะใน ชอลิ้วเฮียงถล่มวังค้างคาว ก็เจอปัญหานี้ นั่นคือตัวเอกของเรื่องนั้นมีความอ่อนแอและแปรปรวนทางอารมณ์ค่อนข้างมาก คือจริงๆ การมีอะไรแบบนี้บ้างก็ไม่เลวหรอกครับ มันทำให้ตัวละครมีมิติมากขึ้น ดูมีเลือดเนื้อมากขึ้น แต่ปัญหาคือบางคราวมันออกจะมากไป จนตอนนั่งดู ถ้าหากหนังถอดชื่อเล็กเซียวหงส์ออกไป แล้วใส่ชื่อตัวละครอื่นลงไปแทนก็ยังได้ เพราะโดยรวมแล้วตัวเอกออกแนวเทพบุตรพิมพ์นิยมในหนังกำลังภายใน แต่ไม่ใช่พี่เล็กแบบที่เราติดใจจากนิยาย เพราะในเรื่องเขาค่อนข้างขาดความเด็ดขาด แม้จะมีไหวพริบแต่ก็อ่อนไหวมากจนเสียงานอยู่หลายครั้ง
หนังมีความยาวราวๆ 40 ตอนด้วยกัน แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นเวอร์ชั่นที่เรื่อยๆ ไม่เด่นเท่าฉบับหลิวสงเหยิน แอบคิดว่าถ้าลดความยาวเหลือ 30 ตอนเอาให้กระชับกว่านี้ ผลที่ได้อาจน่าพอใจกว่านี้น่ะครับ
ต้องแล้วแต่ครับ บอกได้เลยว่าเหมาะกับคนที่ชอบพี่ว่านจื่อเหลียง ส่วนคนที่ชอบเล็กเซียวหงส์นั้น อาจต้องทำใจสักหน่อย เพราะมันออกแนวเรื่อยๆ มากไปนิด ถ้าเทียบกับ ชอลิ้วเฮียงถล่มวังค้างคาว ผมยังชอบอันนั้นมากกว่าน่ะครับ เพราะการตามปมต่างๆ มันยังสนุกกว่า หรือจะฐานลับของศัตรูก็ดูมีความลึกลับมากกว่า ยิ่งสาวๆ นี่สวยกว่าเยอะครับ
แต่อีกจุดหนึ่งที่ผมชื่นชมหนังเรื่องนี้ก็คือ การสื่อภาพ “ชายผู้อาภัพเรื่องความรัก” ของพี่เล็กออกมาได้ชัดที่สุดในบรรดาซีรี่ส์ตระกูลเล็กนี่ทั้งหมด เพราะพี่เล็กแกรักใครชอบใครไม่สมใจซักที ซึ่งตอนจบของเรื่องได้ใช้ภาพมาสรุปประเด็นนี้ได้อย่างดีเลยล่ะะครับ ดูแล้วอย่างน้อยก็ทำให้เล็กเซียวหงส์เวอร์ชั่นนี้ ยังพอมีอะไรดีๆ ให้กล่าวถึงบ้าง
เกร็ดเล็กๆ ที่อยากนำมาบอกเล่าก็คือ การที่หลิวสงเหยินไม่ได้มารับบทพี่เล็กอีกนั้นก็เพราะตอนนั้นพี่เขาไม่ได้อยู่กับ TVB แล้วครับ เลยต้องเปลี่ยนคนมารับบทพี่เล็ก ว่ากันว่าคนที่ถูกวางตัวให้มาแสดงบทนี้คือหลิวเต๋อหัวครับ โดยจะให้มาแสดงคู่กับองเหม่ยหลิง แต่เนื่องจากปัญหาเรื่องสัญญาทำให้หลิวเต๋อหัวไม่ได้มาแสดง ทาง TVB เลยต้องควานหาพระเอกใหม่ ผลที่ได้ก็คือเฮียว่านจื่อเหลียงมารับบทนำร่วมกับองเหม่ยหลิง
แต่แล้วก็เกิดเรื่องเศร้าขึ้นเมื่อองเหม่ยหลิงจากโลกนี้ไป เลยต้องมีการเลือกตัวนางเอกใหม่ก็ได้เป็นเฉินซิ่วจู (Rebecca Sau Chu Chan) แทน
ว่าไปตามที่คิดแล้ว ที่เหลือก็ลองตัดสินใจต่อนะครับว่าจะดูหรือไม่ ก็ถือว่าดูได้เพลินๆ แต่ก็มีช่วงเยิ่นเย้อเยอะพอประมาณเหมือนกัน
สองดาวกว่าครับ

(6.5/10)










