Action

Dungeons & Dragons: Honor Among Thieves (2023) ดันเจียนส์ & ดรากอนส์: เกียรติยศในหมู่โจร

Untitled06050

สิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไปนี้ ผมว่าผมพูดมาแล้วหลายรอบครับ และคงจะได้พูดอีกไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังดูหนังอยู่ นั่นก็คือ “บางทีคนดูหนังก็ไม่ได้ต้องกาอะไรที่แปลกใหม่หรอกครับ บางทีแค่หนังเอาสูตรเดิมๆ มาเล่าให้เข้าท่า ดูแล้วเพลินตอบโจทย์ แค่นี้ก็โอแล้ว”

แล้ว Dungeons & Dragons: Honor Among Thieves ก็เป็นหนึ่งในหนังกลุ่มนั้นครับ มันคือหนังแนวผจญภัยในดินแดนเวทย์มนต์ โดยเหล่าตัวเอกก็จะมีคาแรคเตอร์และความสามารถเฉพาะตัว มาร่วมมือกันพิชิตภารกิจอะไรสักอย่างให้ลุล่วง และหาทางปราบมารร้ายที่ทำลายความสงบสุข และบทสรุปของหนังก็ต้องลงเอยด้วยชัยชนะของพวกตัวเอก

หนังมีครบตามนั้นครับ และถือว่าทำออกมาได้บันเทิงพอตัว พลังสำคัญอย่างแรกก็คงต้องยกให้การแสดงลื่นๆ ของเหล่าตัวเอก ไม่ว่าจะ Chris Pine, Michelle Rodriguez, Justice Smith, Sophia Lillis แต่ละคนสวมบทของตัวเองได้อย่างน่าเชื่อ สลับกันวาดลวดลายและใส่สีสันให้กับหนัง หนังดูเพลินนี่ก็เพราะพวกเขานี่แหละครับ โดยเฉพาะตอนต่อปากต่อคำหรือแอบด่ากันนี่ช่วยเสริมอารมณ์ขันให้กับหนังได้อย่างดี

ส่วนเนื้อเรื่องมันก็คือแนวผจญภัยตามสูตรน่ะครับ มีตัวร้ายให้ปราบ มีด่านให้ผ่า มีปริศนาให้แก้ และมีปัญหาให้พิชิต ว่าตามจริงหนังไม่ได้มาพร้อมความหวือหวาหรือเล่นท่ายากใดๆ คือมันเป็นอะไรที่คอหนังผจญภัยน่าจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่ประเด็นคือมันบอกเล่าได้ค่อนข้างสนุกครับ การเดินเรื่องก็ค่อนข้างเร็ว ช่วงอืดยืดอาจมีบ้างแต่ถือว่าน้อย ส่วนใหญ่เรื่องจะทะยานไปข้างหน้า แล้วหนังก็ผลัดกันดึงดูดความสนใจผู้ชมด้วยสิ่งต่างๆ ที่หนังมี บางช่วงก็ชวนให้เราโฟกัสตรงการผจญภัย บางช่วงก็พาให้ขำด้วยมุกฮาๆ (หรือไม่ก็มุกที่แป้กมากๆ จนกลายเป็นฮา) เมื่ออะไรเหล่านี้มารวมพลังกับกระดูกสันหลังของหนังอย่างเหล่าตัวเอกแล้ว หนังมันเลยมีอะไรสนุกๆ มาเสิร์ฟเราตั้งแต่ต้นจนจบ

Untitled06051

แต่ถ้าจะมีอะไรที่ผิดคาดหน่อยๆ ก็คงเป็นเรื่องของเทคนิคพิเศษน่ะครับ พวก CG ต่างๆ หรือการวาดภาพอาณาจักรเวทย์มนต์ โดยรวมมันก็ดูเป็นโลกแฟนตาซีอยู่หรอกครับ เพียงแต่อาจดูอลังการยังไม่เยอะ และจินตนาการยังไม่เด็ด ว่าง่ายๆ คือฉากหลังของโลกเวทย์มนต์นั้นดูไม่ต่ำกว่ามาตรฐานครับ เพียงแต่ยังไม่ถึงกับเด่นเตะตา บางห้วงเวลาก็ให้อารมณ์เหมือนหนังย้อนยุคไปยุคอัศวินมากกว่าจะเป็นหนังแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยพลังเวทย์ – อีกจุดที่รู้สึกว่ายังไม่สุดคือตอนสู้กับบอสใหญ่ครับ คือมันรู้สึกน่ะว่าหนังเล่นให้ใหญ่กว่านั้นได้ ใส่ลูกเล่นเติมสีสีนลงไปอีกได้ ยังทำให้ลุ้นได้อีกน่ะครับ

หนังกำกับโดย John Francis Daley และ Jonathan Goldstein คู่หูผู้กำกับที่ผมว่าฝีมือของพวกเขานี่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ นะครับ เรื่องแรกที่ทำคือ Vacation ซึ่งก็ถือว่ากลางๆ ยังไม่เด่นอะไรนัก พอมาถึงเรื่อง Game Night ความสนุกสนานเริ่มมากขึ้น ฝีมือเริ่มเข้าที่ และสำหรับเรื่องนี้นี่ก็พูดได้เต็มปากครับว่านี่คือผลงานที่ดูสนุกเพลินที่สุดของพวกเขา คือตัวหนังน่ะถือว่าเวิร์กครับ ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ดี เพียงแต่ในแง่ของลูกเล่นอาจยังไม่เยอะเท่าไร ก็คงต้องรอดูผลงานชิ้นถัดไปน่ะครับ ว่าพวกเขาจะสำแดงฝีมือได้เจ๋งขึ้นไปอีกไหม

โดยรวมแล้วหนังสนุกดีครับ ใครชอบแนวผจญภัยยุคโบราณผสมด้วยเวทย์มนต์แล้วล่ะก็ เรื่องนี้ถือว่าสนุกเลยครับ นี่กะว่าถ้ามีโอกาสก็คงดูซ้ำอีก เพราะหนังแนวนี้มีมาให้ดูน้อยลง และยังทำได้สนุกแบบนี้นี้ก็น่าเชียร์ครับ – อ้อ และในฐานะที่เคยดู Dungeons & Dragons ฉบับปี 2000 มาแล้ว ก็บอกได้แบบเต็มปากเลยว่า เวอร์ชั่นนี้สนุกกว่า เพลินกว่า และมันส์กว่าเวอร์ชั่นนั้นแบบสุดๆ ครับ

แต่ก็รู้สึกเป็นห่วงในเรื่องรายได้ครับ หนังทำเงินทั่วโลกไป $208 ล้าน แต่ทุนน่ะปาเข้าไปตั้ง $150 ล้าน ก็ถือว่าเข้าเนื้ออยู่

เอาเป็นว่าเชียร์ให้ดูครับ แต่ต้องขอย้ำว่าหนังมันสนุกในฐานะหนังแฟนตาซีผจญภัยในโลกโบราณแห่งเวทย์มนต์นะครับ ไม่ได้มันส์ในแง่ของแอ็คชั่นพะบู๊ ไล่ล่าหรือความระทึก ดังนั้นใครหวังอะไรมันส์ๆ บู๊กันระเบิดระเบ้ออาจต้องปรับใจสักหน่อย – ถ้าพร้อมแล้วก็เสพความบันเทิงกันได้เลยครับ

สองดาวครึ่งสนุกๆ ครับ

Star22

(7/10)