Christmas Movies

Time for Us to Come Home for Christmas (2020)

Untitled05980

แล้วเราก็มาถึงตอนที่ 3 ของหนังชุด Time for Me to Come Home for Christmas ครับ ซึ่งสองภาคแรกนั้นผมยังรู้สึกเรื่อยๆ ยังไม่ถึงกับชอบอะไรมาก แต่มาภาคนี้นี่ต้องขอยกนิ้วให้เลยครับ เพราะทำออกมาได้กลมกล่อมกำลังดี และน่าติดตามอีกด้วย – แต่ก็ต้องบอกก่อนนะครับว่าหนังแต่ละตอนนั้นมีตัวละครหลักเป็นคนละชุดกัน แต่อยู่ในจักรวาลเดียวกันครับ และมีสิ่งที่เชื่อมหนังทุกตอนเข้าด้วยกันก็คือเพลง Time for Me to Come Home ของ Blake Shelton นั่นเอง

หนังภาคนี้มาในแนวกึ่งๆ สืบสวนครับ… เปล่าครับ ไม่ได้มีคดีฆาตกรรมหรอก คือเรื่องมันมีอยู่ว่าจู่ๆ ซาร่าห์ (Lacey Chabert) ก็ได้รับการ์ดเชิญปริศนาที่บอกว่ามีการจองห้องพักให้เธอที่โรงแรมสโนว์ฟอล อินน์ ซึ่งเธอก็คิดไปว่านี่คงเป็นโบนัสจากที่ทำงานล่ะมั้ง เธอก็เลยเดินทางไปพักผ่อนที่นั่น เพราะใจจริงเธอนั้นก็อยากพักผ่อนจากงานมากๆ แล้วเหมือนกัน

แต่พอเธอไปถึง เธอกลับพบว่ามีแขกอีกหลายคนที่ได้รับการ์ดเชิญปริศนาแบบนี้ โดยที่พวกเขาแต่ละคนนั้นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ซึ่งนอกจากจะทำให้พวกเขางงกันแล้ว กระทั่งเบน (Stephen Huszar) เจ้าของโรงแรมก็งงกับเหตุการณ์ประหลาดนี้ด้วยเหมือนกัน ซาร่าห์และเบนเลยช่่วยกันสืบครับว่าใครกันแน่ที่เชิญพวกเขามา และที่สำคัญคือ “เชิญพวกเขามาด้วยเหตุใด?”

Untitled05981

ยอมรับว่าแค่เนื้อเรื่องผมก็สนใจแล้วครับ บทหนังภาคนี้เขียนโดย Marcy Holland ที่เคยเขียนบทเมื่อภาคที่แล้วเอาไว้ ผมว่าเข้าใจคิดมากเลยนะครับ คือแทนที่จะนำเสนอตามสูตรเดิมๆ ของหนังแนวนี้ (ที่มักจะเป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของหนุ่มสาว) ก็ฉีกแนวซะเลย เอาสไตล์ Agatha Christie มาใส่ลงไปในหนังคริสต์มาส ปรับให้การสืบสวนออกมาในโทนอบอุ่นใจ แล้วก็ได้มาเป็นหนังหนึ่งเรื่องที่ถือว่าสนุก ดูเพลิน และมีปมให้ติดตาม

และธีมหลักของเรื่องก็ยังคงเดิมครับ นั่นคือว่าด้วยตัวละครที่มีการสูญเสียใครสักคนไป แล้วพวกเขาก็ต้องใช้ชีวิตต่อโดยพยายามจะก้าวให้ข้ามความเศร้าหมองและความเจ็บปวดทั้งหลาย เพียงแต่การบอกเล่าในภาคนี้มีความเป็น Feel Good มากขึ้น ดูแล้วมีพลังบวกมากขึ้น และสร้างแรงบันดาลใจให้มากขึ้น ซึ่งผมมองว่าเป็นพัฒนาการที่ดีของหนังชุดนี้ครับ คือนอกจากจะมีการพลิกแพลงเรื่องราวให้แตกต่างจากภาคก่อนๆ แล้ว ยังสอดแทรกพลังบวกลงไปมากขึ้น ทำให้ดูแล้วรู้สึกดี มีรอยยิ้ม และมีพลังใจ

นักแสดงถือว่าน่าพอใจทุกคนครับ Chabert เจ้าแม่ Hallmark ก็มาแสดงบทที่เธอถนัด เป็นหญิงสาวจิตใจดีหน้าตาบ้องแบ้วและชอบมอบรอยยิ้มให้คนรอบข้าง บทแบบนี้เธอเล่นได้ดีเสมอครับ ส่วนพระเอกของเรื่องอย่าง Huszar ก็ถือว่าเข้าคู่กับ Chabert ได้ดีเช่นกัน เพียงแต่ดีกรีความหวานของพวกเขาในเรื่องจะไม่มากนักครับ เพราะหนังมีการแบ่งเนื้อที่ให้ตัวละครอื่นๆ และไหนจะเรื่องการสืบสวนอีก แต่ผมว่าเป็นการแบ่งในสัดส่วนที่พอดีครับ

ถือเป็นหนังคริสต์มาสที่ทำออกมาได้ดีอีกเรื่องครับ โอเค ในแง่ของลูกเล่นนั้นหนังอาจยังมีไม่มากเท่าหนังยุค 90 แต่ถ้าเปรียบเทียบกับหนังทีวี Hallmark ด้วยกันแล้ว ผมว่าเรื่องนี้ก็เด่นอยู่นะครับ กลมกล่อมพอเหมาะในแบบของมัน ยังไม่สุดๆ แต่ก็ถือว่าอยู่ในข่ายดี ควรค่าแก่การรับชมสักครั้งครา ที่สำคัญคือดูแล้วใจเป็นสุขครับ

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)