Action

Sonic the Hedgehog (2020) โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก

Untitiled05315

เรื่องนี้นี่ถือเป็นตัวอย่างที่เข้าท่าสำหรับหนังที่สร้างมาจากเกมครับ

เริ่มจากนำเอาวัตถุดิบจากในเกมมาใส่ลงไป ไม่ว่าจะตัวละคร, พลังพิเศษต่างๆ หรือไอเท็มในเกมมาวางลงไปเป็นองค์ประกอบหลัก จากนั้นก็ใส่เนื้อเรื่องลงไปให้หนังมีแกนเรื่องไว้บอกเล่า ซึ่งว่าตามจริงเนื้อเรื่องในหนังมันไม่ได้ซับซ้อนเลยครับ เล่าได้แบบง่ายๆ นั่นคือเจ้าเม่นสายฟ้าโซนิคที่อาศัยอยู่ในโลก (แบบแอบๆ) มานาน แล้วทีนี้อยู่มาวันหนึ่งมันดันสำแดงพลังที่มีในตัวออกไปแบบไม่ตั้งใจ เลยโดนตัวร้ายอย่างด็อกเตอร์โรบอทนิค (Jim Carrey) ตามล่า

ระหว่างที่โซนิคพยายามหนีมันก็ได้เจอกับทอม (James Marsden) แล้วจากนั้นก็ตามสูตรครับว่าพวกเขาต้องมาผจญภัยร่วมกัน ซึ่งเรื่องราวนอกจากนี้ก็เดาได้ไม่ยากครับ และหนังก็ต้องจบแบบแฮปปี้ตามฟอร์ม พร้อมด้วยเปิดช่องไว้สำหรับภาคต่ออีกต่างหาก

อย่างที่บอกว่าหนังทำได้เข้าท่าครับ มีการเอาองค์ประกอบในเกมที่เด่นๆ ใส่ลงมาในระดับที่พอเหมาะ มีโซนิค มีดร.โรบอทนิค มีวงแหวนกิ๊งๆๆ มีการวิ่งการกลิ้งพลังสายฟ้าแบบที่คอเกมคุ้นเคย มีฉากผจญภัยเล่น Effect มีฉากเรียกอารมณ์ขันเป็นระยะๆ เรียกว่าครบสูตรหนังสำหรับครอบครัว

ที่ผมชอบอย่างหนึ่งในหนังก็คือแม้เนื้อเรื่องมันจะง่ายๆ และการเล่าอาจไม่ได้สุดยอดอะไร แต่มันตอบโจทย์ความบันเทิงได้พอดีครับ คือมันมีครบทั้งแอ็กชันผจญภัยบวกด้วยอารมณ์ฟีลกู้ดนิดๆ ผมว่าจุดที่เวิร์กมากๆ ในหนังคือการจับเอาปมเรื่อง “การต้องอยู่เพียงลำพังของโซนิค” มาเป็นหนึ่งในประเด็นแกนหลัก อันนำไปสู่ปมเรื่องมิตรภาพระหว่างโซนิคกับทอมที่มันอาจไม่ได้ลึกซึ้งกินใจแบบหนักๆ แต่ก็เป็นรายละเอียดเล็กๆ ที่ทำให้หนังไม่โล่งโถงครับ

Untitiled05316

ว่าตามจริงหนังก็ไม่ได้ถึงกับเจ๋งเป้งสุดยอดน่ะนะครับ จริงๆ องค์ประกอบที่เอามาจากเกมถือว่าพอเหมาะสำหรับการเป็นภาคเปิดตัว และเนื้อเรื่องกับปมมิตรภาพก็ทำให้หนังดูมีอะไร ที่เหลือก็อยู่ที่ฝีมือผู้กำกับว่าจะสามารถใส่ลูกเล่นลงไปให้หนังมีรสชาติมากขึ้นได้หรือไม่ ซึ่งผลที่ได้ก็ถือว่ากลางๆ ครับ อันนี้ก็ไม่แปลกใจนักเพราะผู้กำกับ Jeff Fowler เพิ่งกำกับหนังใหญ่เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก (ก่อนหน้านี้ทำการ์ตูนสั้นมา 1 เรื่องครับ) เลยอาจยังไม่มีลูกเล่นอะไร แต่เท่าที่เป็นนี่ก็นับว่าโอเคในระดับหนึ่งครับ

เจ้าโซนิคนี่ถือว่าทำออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวา ดูแล้วเชื่อว่ามันมีตัวตนจริงๆ น่ะครับ และอยากจะบอกว่าดีใจมากที่ทีมงานตัดสินใจออกแบบดวงตาของมันใหม่ให้ดูเหมือนในเกม (เพราะของเดิมที่ทำออกมาตอนแรกมันไม่ใช่จริงๆ น่ะครับ) ในขณะที่ดารามนุษย์รายอื่นๆ นั้น คนที่เด่นสุดหนีไม่พ้นเฮีย Jim Carrey ที่ถือว่ากลับมาคืนฟอร์มอีกหน บทโรบอทนิคนี่ก็เหมาะกับเขาด้วยน่ะครับ ลีลาเยอะๆ ท่าทางเหมือนการ์ตูนพี่เขาทำได้ดีจริงๆ

ผมชอบฉากที่พี่ท่านเต้นอยู่คนเดียวในห้องบัญชาการน่ะครับ สำหรับคนที่ติดตามที่เขามานานอย่างผมแล้ว เหมือนได้เจอเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กลับมาทำอะไรที่คุ้นเคยให้ดูอีกครั้ง ถือเป็นอะไรดีๆ ที่เพิ่มความน่ารักให้กับหนังได้อีกอย่างหนึ่ง

ก็เป็นหนึ่งอีกเรื่องที่ผมอาจจะไม่ได้ชอบเป็นพิเศษน่ะนะครับ (หรือผมจะแก่เลยวัยไปแล้วก็ไม่รู้ 555) แต่มันก็ดูเพลินดีๆ มีความเป็นหนังฟีลกู๊ดผสมลงไปนิดๆ แต่ในใจก็คิดว่าจริงๆ สามารถทำให้มันฟีลกู๊ดได้เต็มที่กว่านี้ เช่น เพิ่มให้โซนิคมีความผูกพันกับชาวเมืองมากขึ้น – ผูกปมให้เรารู้สึกว่าโซนิคคือส่วนหนึ่งของชาวเมืองมานาน หรือสานปมอีกนิดให้ชาวเมืองรู้สึกผูกพันกับโซนิคด้วย – มันคงทำให้ไคลแม็กซ์ดูมีพลังมากขึ้นน่ะครับ

ไฮไลท์สำหรับผมก็คงเป็นการได้เจอเฮีย Jim ในเวอร์ชั่นฮาหน้ายางแบบที่ไม่ได้เห็นมานาน และได้เห็นเจ้าเม่นโซนิคมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ บนแผ่นฟิล์ม อันทำให้เราแอบรำลึกถึงวันเก่าๆ สมัยเล่นเกมนี้บนเครื่องเมกาไดร์ฟ… ไปๆ มาๆ หนังใหม่ๆ เรื่องนี้ก็ทำให้คน (เริ่ม) แก่อย่างผมรู้สึกดีได้ไม่เลวเหมือนกัน

สองดาวกว่าๆ ครับ

Star21

(6.5/10)