ผมก็เคยเขียนถึงซีรี่ส์เฟรนด์ไป 9 ปีแล้วนะครับ แต่พอมาถึงปี 10 นี่ผมเว้นไปนานทีเดียว วันนี้พอดีเพิ่งดูซีรี่ส์นี่จบอีกรอบ ดูยาวครับ 10 ปีรวด แต่ไม่ได้ดูติดกันทั้งวันหรอกนะครับ มีพักมีอะไรบ้าง พอดูแล้ว อิ่มแล้วก็เอามาเขียนลงน่ะครับ
เรื่องราวของเหล่าผองเพื่อนในเฟรนด์ก็ได้มาถึงบทสรุปในปีนี้นะครับ ปีสุดท้ายกันแล้ว นึกๆ ไปก็ใจหายครับ ตอนดูจบรอบแรกนั้นก็โหวงๆ นะ คือตามดูพวกนี้มา 10 ปีแล้วจู่ๆ จะไม่ได้เจอกันอีกแล้วน่ะครับ ไม่ให้โหวงได้ไงล่ะครับ
ซีรี่ส์นี้เป็นอีกชุดนึงที่ถือว่าทำได้เด็ดขาดมากนะครับ ฮาตลอด ดูเพลิน ผมเอามาเปิดดูซ้ำได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อเลย จุดเด่นมากๆ คือมุขตลกคำพูดที่ฮาสุดๆ ไม่ว่าจะมุขกัดหรือมุขเล่นคำ ซึ่งก็เป็นเสน่ห์ของละครแนวซิทคอมอยู่แล้วนะครับ แต่ถ้าให้เทียบนะครับ ผมก็ยังชอบปี 3 – 6 กับปี 8 ที่สุดอยู่ดี ช่วงนั้นมันฮาโคตร เนื้อเรื่องก็ผูกดีตลอดครับ ปีหลังๆ บางทีเนื้อเรื่องมันยังมีแปร่งๆ บ้าง ต้อง 5 ปีที่ว่านั่นครับถึงจะกลมกล่อมที่สุดน่ะ
ตอนผมดูปีสิบจบรอบแรกก็ไม่เท่าไหร่นะ อย่างที่บอกว่าไม่ได้รู้สึกว่าสุดยอด แต่พอมาดูรอบสองนี่เก็บรายละเอียดได้เยอะครับ เลยทำให้รู้สึกว่าการจบปีนี้นับว่ารวบเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์ทีเดียว นั่นคือทุกปมของ 6 คนนี้ได้รับการคลี่คลายเกือบหมด
โอ้ๆๆ ผมกำลังจะเล่าถึงความประทับใจนี่ปีสิบ และนั่นมีความหมายอีกนัยหนึ่งว่าผมกำลังจะสปอยล์ปีสิบครับ ใครยังไม่ดูและไม่อยากทราบกรุณาอย่าพลาดอ่านเลยดีกว่านะครับ เดี๋ยวตอนดูจริงจะไม่ได้รับอรรถรสครบถ้วน
มาเริ่นย้อนรอบความประทับใจปีสิบเลยนะครับ
ตั้งแต่ฟีบี้ บุฟเฟ่ต์ (Lisa Kudrow) สาวต๊องที่ในที่สุดก็ได้พบคนรัก และเข้าพิธีแต่งงานกัน นั่นแหละคือสิ่งที่เธอใฝ่หาเสมอมา … ครอบครัวไงครับ
แฟนๆ คงรู้ดีว่าชีวิตของฟีบี้นั้น เติบโตมาข้างถนน แม่ตาย พ่อทิ้งไป สิ่งที่เธอต้องการมาตลอดนั่นคือครอบครัวหรือใครสักคนที่จะสร้างครอบครัวเล็กๆ กับเธอ และในตอนแต่งงานนั้นเอง เธอก็ได้ระบายความในใจตัวนี้ออกมาครับ ว่าวันนี้เธอได้สิ่งนั้นเรียบร้อย (ผมได้ยินประโยคนี้แล้วยิ้มเลยครับ เพราะสาวต๊องคนนี้ ได้ในสิ่งที่เธอรอมานานเสียที)
คนต่อมาก็คือคู่ของแชนด์เลอร์ (Matthew Perry) กับ โมนิก้า (Courteney Cox) ซึ่งทั้งสองก็ได้ในสิ่งที่ต้องการเช่นกัน เริ่มจากนายแชนด์เลอร์ บิงก์ หนุ่มฮาจอมเล่นมุขที่มีพ่อเป็นเกย์และแม่เป็นนักเขียนนิยายอีโรติค ซึ่งปมทั้งหลายก็คลี่คลายไปตั้งแต่ปีก่อน แต่ยังมีปมหนึ่งที่เปิดมาตั้งแต่ปีสอง นั่นคือ “ความกลัวว่าจะต้องใช้ชีวิตคนเดียวไปชั่วชีวิต”
ประมาณปีสอง ตอนต้นๆ ตอนที่มิสเตอร์แฮ็คเคิล เพื่อนบ้านจอมกวนโทสะเสียชีวิตลง แชนด์เลอร์ก็ค้นพบว่าชีวิตของชายคนนี้น่าเศร้า อยู่คนเดียวและไม่มีใครคบ เขาเลยเกิดอาการตื่นครับ กลัวว่าตัวเองจะลงเอยแบบนี้บ้าง เพราะชีวิตเขาดันเหมือนกับมิสเตอร์แฮ็คเคิลแบบสุดๆ
แต่แล้วเขาก็ได้เจอกับผู้หญิงที่พร้อมจะเดินไปกับเขา (ในความจริงเธอจะเดินเป็นช้างเท้าหน้าเขามากกว่า) นั่นคือ โมนิก้านั่นเอง พวกเขาแต่งงานกันและรักกัน … สำหรับแชนด์เลอร์ เขาจะไม่มีวันโดดเดี่ยวอีกต่อไป
และจะเป็นเหตุบังเอิญหรือไม่ก็ตาม แต่คนที่กล่าวคำไว้อาลัยและแสดงความเห็นใจต่อมิสเตอร์แฮ็คเคิลนั้น ก็คือ โมนิก้า นั่นเอง
สำหรับโมนิก้า ยัยนี่บ้าลูกครับ อยากมีลูกสุดๆ อยากมีบ้านซักหลัง มีอนาคต และในปีนี้ เธอได้ครบตามนั้นทุกประการ
เนี่ยครับ เจ้าอื่นสมใจหมด แล้วเราก็มาถึงคู่สุดท้ายที่เรียกได้ว่าเป็นมวยคู่เอกของซีรี่ส์นี้เลยก็ว่าได้ นั่นคือ รอส (David Schwimmer) กับ ราเชล (Jennifer Aniston) ที่ผลัดกันแอบรัก แอบชอบ จนพอเป็นแฟนกันจริงๆ ก็เจือกมีเรื่องให้เลิกรากันไปอีก แล้วก็มีรักๆ เลิกๆ กัน จนไปๆ มาๆ ผ่าไปมีลูกด้วยกันอีก เออ และในที่สุดปีนี้บทลงเอยของทั้งคู่ก็มาถึง ท่ามกลางความลุ้นแบบสุดๆ ครับ ว่ามันจะจบกันอีท่าไหน เพราะจะว่าไปส่วนหนึ่งที่ช่วยดึงให้แฟน ติดซีรี่ส์ชุดนี้มาตลอดก็หนีไม่พ้นเรื่องของคู่นี้น่ะแหละ
และบทสรุปของคู่นี้ก็ไม่ทำให้เสียแรงที่อุตส่าห์วิ่งไล่ตามมาตั้ง 10 ปีครับ
เห็นมั้ยครับว่าทุกคนได้สิ่งที่ตนปรารถนาทั้งหมดทุกคน …
… ทุกคน ยกเว้น โจอี้ (Matt LeBlanc) ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกครับ การที่ชีวิตของโจอี้ยังไม่สรุปลงก็เนื่องมาจาก ทาง WB ต้องการเอาเรื่องของเขาไปขยายเป็นซีรี่ส์ภาคแยก เรื่อง Joey นั่นเอง และปฏิเสธไม่ได้นะครับว่าเรื่องราวของโจอี้นี้มีเสน่ห์และตัวละครนี้ก็โคตรฮา โคตรน่ารัก และถ้าสังเกตดีๆ ทุกๆ บทลงเอยของแต่ละคนจะต้องมีโจอี้เป็นตัวเดินเครื่องให้ ไม่ว่าจะงานแต่งของโมนิก้ากับแชนด์เลอร์หรือฟีบี้กับไมค์ โจอี้นี่แหละที่ทำหน้าที่เป็นบาทหลวงประกาศความเป็นสามีภรรยาให้
แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่ลงเอยครับ นั่นนำมาสู่เรื่องราวตอนแยกที่ทีมงานตั้งใจทิ้งใหคนดูตามไปติดต่อ ซึ่งเป็นไงผมก็ยังไม่ได้ดูเหมือนกัน แต่ก็ได้ข่าวว่ากระแสยังกลางๆ ครับ ไม่ถึงกับฮิตเท่าไหร่
เอาล่ะครับ และเรื่องราวของพวกเขาก็จบลง นี่ก็เป็นซีรี่ส์ที่ยอดเยี่ยมมากอีกชุดหนึ่งครับ มีความด่นในเรื่องา แต่เรื่องเชิงชีวิตก็ทำได้อย่างดี มีสาระด้วยนะครับทำเป็นเล่นไป โดยเฉพาะเรื่องมิตรภาพและมาปีหลังๆ ก็จะมีสาระเรื่องชีวิตคู่ใส่ลงมาเยอะทีเดียว
นักแสดงนั้น ผมว่าทุกคนมองเขาเป็นตัวละครในเฟรนด์ไปหมดแล้วล่ะครับ
จบแล้ว … ใจหายครับ แม้ผมจะสามารถเอามาดูซ้ำได้อีกกี่รอบก็เหอะ แต่มันก็ใจหายอยู่ดี และผมก็คงเอามาเปิดอีกหลายๆ รอบล่ะครับ ดูตอนไม่มีอะไรทำมันให้ความเพลิดเพลินดี
สำหรับผมนะครับ วันไหนเราเหนื่อยๆ มา จะเรื่องเพื่อน เรื่องชีวิต เรื่องงาน เรื่องหัวใจ เรื่องอะไรก็ตาม ผมขอแค่กลับมาพัก นั่งบนเก้าอี้หน้าทีวี แล้วก็เปิดซีรี่ส์ชุดนี้ดูไปเรื่อยๆ … มันช่วยได้ครับ ช่วยได้เยอะเลย ไม่รู้จะมีใครเป็นอย่างผมหรือเปล่าน้อ
สำหรับปีนี้ แม้จะไม่ใช่ปีที่ดีที่สุด แต่ฉากสุดท้ายที่ออกมาง่ายๆ มันก็ให้อารมณ์เต็มอิ่มได้ดีครับ ดูพวกเขาเดินจากไป อาลัย แต่ก็ให้ความหมายด้วยว่า หนังจบอารมณ์ไม่จบ มิตรภาพจะยังคงมั่นต่อไปเรื่อยๆ
และชีวิตก็ยังคงมีอะไรให้พบเจออีกเสมอตราบเรายังมีลมหายใจ
เพื่อน … Friends คำๆ นี้มีความหมายกับผมมากนะ ไม่ว่าจะในความหมายทั่วไปอย่างเพื่อน ที่ผมยังอดนึกถึงความสนุกเวลาอยู่บ้าด้วยกันไม่ได้ และอีกความหมายหนึ่งก็คือซีรี่ส์นี้นั่นเอง
ผมรักคำนี้จังครับ Friends
ใครยังไม่เคยดู ผมแนะนำให้ลองครับ ปีแรกอาจยังไม่เท่าไหร่ แต่ปีที่เด็ดจริงๆ อยู่ประมาณปี 3 ครับ แต่ถ้าท่านดูแล้วไม่ชอบ ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อยท่านก็ได้ดูและรับรู้ว่าไม่ชอบมัน
ทว่า หากท่านไม่ดู ท่านจะไม่มีวันรู้เลยครับว่านั่นจะเป็นสิ่งดีๆ อีกหนึ่งสิ่งที่ท่านพลาดไปในชีวิตหรือเปล่า?
แล้ววันหนึ่งผมจะกลับมาเปิดดูซีรี่ส์นี้ใหม่อีกรอบ อีกรอบ และอีกรอบ
หาเรื่องไปเจอกับเพื่อนดีกว่า
สามดาวปิดท้ายครับ
(8/10)