คุณคาดหวังอะไรจากหนังชุด Transporter ครับ ถ้าเป็นความมันส์ บู๊กระหน่ำ โม้กระจาย และลวดลายแสนเท่ห์ของพี่แฟรงค์ มาร์ติน (Jason Statham) ยอดนักส่งของท้านรกล่ะก็ ภาคนี้ก็ยังพอตอบโจทย์ได้อยู่

ภาค 3 ของ Transporter จริงๆ มันก็อีหรอบเดิมนะครับ เปิดมาก็แนะนำให้เรารู้ที่มาที่ไปของเรื่อง ก่อนที่แฟรงค์จะต้องกระโจนลงสู่ภารกิจอย่างไม่ตั้งใจ งานนี้ก็เป็นการลักพาตัว ประมาณว่าผู้ร้ายอย่างจอห์นสัน (Robert Knepper) ได้วางแผนจับตัววาเลนตินา (Natalya Rudakova) ลูกสาวของ เลนนิด วาซิเลฟ (Jeroen Krabbé) เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของยูเครน ซึ่งแน่นอนล่ะครับว่าจอห์นสันลักตัววาเลนติน่ามาก็เพื่อบีบเลนนิดให้ทำตามคำสั่ง แต่จะเป็นคำสั่งอะไรนั้นตามไปหาคำตอบในหนังนะครับ

ส่วนแฟรงค์ก็มีหน้าที่เอาตัววาเลนติน่าไปส่งให้ถึงที่หมายครับ แต่มีหรือที่แฟรงค์จะยอมง่ายๆ เขาก็ต้องหาทางหลีกลี้แก้เกมนายจอห์นสันนั่นให้ทันก่อนที่แผนร้ายของมันจะสำเร็จ

จริงๆ ผมว่าหนังมันก็มาแนวเดิมๆ นะครับ บู๊กระจาย แฟรงค์ก็เท่ห์ได้เท่ห์ดี แก้ปัญหาด้วยความสุขุมรอบคอบ แล้วก็ซิ่งรถได้ระดับเทพ หนังมาพร้อมฉากบู๊เวอร์แบบเต็มฟัดครับ ที่ผมชอบหน่อยคือฉากขี่จักรยานไล่ล่ารถนี่แหละ คือ เวอร์มากแต่ก็มันส์มาก คิดดูครับจักรยานคันไม่ใหญ่ด้วยนะ พี่แฟรงค์แกขี่ไล่รถครับ ถ้าไล่ตรงถนนไม่ทันก็ต้องลัดเข้าตามตึกรามบ้านช่อง ขึ้นโต๊ะลงตึก แหมพี่ ขี่ได้ขนาดนี้นี่เทพเจ้าแท้ๆ

ผมเคยคิดนะว่าการที่พี่ Jason แกเล่นบทเดิมๆ ซ้ำบ๊อยบ่อยแบบนี้คนดูจะเบื่อหรือเปล่า เพราะปีนั้นพี่เขาก็เล่น Death Race ต่อมาก็เรื่องนี้ ปีถัดมายังมี Crank 2 อีก แต่พอดูๆ ไป ผมว่าแม้หนังจะเดิมๆ แต่ก็ทำได้โอเค

สำหรับผมนั้น ก็โอเคครับ รู้อยู่แล้วว่าจะได้ดูอะไร ก็ได้ดูตามนั้น สบายๆ เหมือนไปปลดปล่อยความต้องการด้านความสะใจของตัวเอง ก็ใช้ได้นะครับ แต่โดยส่วนตัวล่ะผมจะชอบ 2 ภาคก่อนมากกว่า เพราะมันมีทิศทางมีเรื่องราว แล้วก็บู๊สนุกสีสันเยอะดีด้วย ส่วนภาคนี้มันก็ออกแนวเดิมๆ เหมือนภาคแรกกับภาคสองมาผสมกันน่ะครับ แตในแง่การบู๊ออกจะลดปริมาณลงหน่อย

ข้อดีที่สุดของหนังคือพี่ Jason ครับ ต่อยตีเตะได้เท่ห์ตลอด หุ่นแกก็สมาร์ทดูองอาจมาก สมัยก่อนตอนแกเล่นบทสมทบตามหนังเรื่องต่างๆ อย่าง The One,  John Carpenter’s Ghost of Mars หรือ The Italian Job นั้น แกก็มีเอกลักษณ์นะครับ แต่ไม่เด่นเพราะบทไม่ได้ส่งเท่าไร พอมาเล่นนำเองจริงๆ เจ้าเอกลักษณ์เท่ห์ๆ นั่นเลยกลายเป็นจุดขายเต็มตัว ไหนจะเปี่ยมอารมณ์ขันอีก แต่ขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้ฉายรัศมีจนเบียดบังชาวบ้านนะครับ เพราะดาราในเรื่องก็ยังเป็นที่จดจำอยู่ Knepper เล่นเป็นตัวร้ายได้ร้ายดีครับ หน้าตาก็บอกยี่ห้อไม่น่าไว้ใจแล้วล่ะ ส่วน Rudakova ก็น่ารักสไตล์ยุโรปครับ ไม่สวยนิ้งแต่ก็มีเสน่ห์ไม่เลวล่ะครับ และ Krabbé อดีตตัวร้ายหนังบอนด์ก็มาเป็นคนดีในเรื่องนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ชั้นสูงขององค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมประจำยูเครน บทแกไม่ต้องทำอะไรมากครับ แค่ปั้นหน้าเป็นห่วงลูกก็พอ

ที่ลืมไม่ได้สำหรับหนังชุดนี้คือ สารวัตรทาโคนี่ (François Berléand) ตำรวจนักสืบที่ตามมาเล่นจนครบสามภาคครับ พี่แกก็เป็นเพื่อนซี้กับแฟรงค์ แต่ลึกๆ แอบคิดว่าแกน่าจะเด่นกว่านี้นะครับ

หนังก็ไม่ได้มีอะไรให้ผิดหวังครับ สนุก มันส์ ตื่นเต้นตามจังหวะ ช่วงท้ายก็โม้ได้ใจ โดยเฉพาะการไปซิ่งบนรถไฟนั่น ไม่ต้องคิดถึงเหตุผลครับ ดูเอาสะใจเป็นสรณะก็พอ – เพราะบางครั้งคนเราก็ต้องการอะไรย่อยง่ายแต่ได้ความบันเทิงอยู่แล้วนี่ จริงไหมครับ

อันนี้ก็แล้วแต่ล่ะนะครับว่าคุณเบื่อนายแฟรงค์คนนี้หรือยัง เพราะแกก็มาอีหรอบเดิมๆ ล่ะครับ ต้องทำภารกิจนรกแตก ถ้ายังไม่เบื่อก็จัดไป เพียงแต่ต้องลดความคาดหวังลงหน่อย เพราะดีกรีความระห่ำเดือดมันไม่มากเท่า 2 ภาคก่อน

แต่ในแง่รายได้นี่ชนะเลิศครับ ทำเงินทั่วโลกไป $108 ล้าน จากทุนสร้าง $30 ล้าน ถือเป็นตอนที่ทำกำไรให้มากสุด

สรุปว่าเพลินๆ แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่าเดิมครับ

สองดาวครับ

(6/10)