
ปี 2007 มีหนังซึ่งสร้างจากงานเขียนของ Stephen King แล้วออกมาน่าพอใจถึง 2 เรื่อง ได้แก่ The Mist ที่ถือว่ายกระดับหนังสยองแนวสัตว์ประหลาดได้อย่างน่าปรบมือ ส่วนอีกเรื่องก็คือ 1408 เรื่องนี้ครับ
1408 คือหมายเลขห้องของโรงแรมดอลฟินที่มีคำร่ำลือว่าผีดุมาก มีคนตายในห้อง (หรือไม่ก็โดดจากห้องนั้นลงมาตาย) เยอะมาก นั่นทำให้ ไมค์ เอนสลิน (John Cusack) นักเขียนที่ชอบแวะไปเยือนตามห้องพักที่เขาว่าผีดุ (แต่ไม่เคยเจอผีเลย) เดินทางเข้าพัก โดยไม่ฟังคำทัดทานของเจอรัลด์ (Samuel L. Jackson) ผู้จัดการโรงแรม… แต่พอเดาได้ใช่ไหมครับว่างานนี้ไมค์เจอจัดเต็มแน่นอน
ถ้า The Mist ยกระดับหนังสัตว์ประหลาด ผมว่า 1408 นี่ก็ยกระดับให้หนังแนวห้องผีสิงอยู่พอสมควรครับ
จริงๆ หนังไม่ได้สยองอะไรมาก แต่จะออกแนวลึกลับชวนติดตาม มากกว่า เสมือนหนึ่งเราไปอยู่ในห้อง 1408 อย่างนั้นเลย คือมันไม่ได้มีผีมาแฮ่ทุก 5 นาที แต่ความชั่วร้ายในห้องนี้มัน “เล่นเกมกับคนที่มาพัก” มันจู่โจมคนที่หัวใจ มันทำให้คนหลอน จนไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ จนสุดท้ายคนในห้องแม้จะยังไม่ตาย แต่ก็อยากตายให้รู้แล้วรู้รอดไป
จังหวะของหนังมันกระตุ้นเร้าให้เราติดตาม และเล่นกับความกลัวได้ดี อย่างการที่เจอรัลด์อุ่นเครื่องเล่าตำนานสยองในห้องนั่นให้ไมค์ฟัง มันปลุกความหลอนในหัวเราได้ดีเลยครับ คือผมเชื่อว่าถ้าไม่มีใครเล่าอะไร แล้วไมค์ไปถึงห้อง เราก็คงเฉยๆ ใช่ไหมครับ ไม่รู้สึกกลัวอะไร แต่พอเจอรัลด์เล่าละเอียดปุ๊บ สายตาและความรู้สึกที่เรามีต่อ 1408 จะเปลี่ยนไป
อย่างที่บอกครับ การเล่าปูพื้นในหนังสยองนั้น ถือเป็นเทคนิคอมตะ เป็นการกระตุ้นความกลัวให้กับคนดูได้อย่างเฉียบขาด แม้ฉากตรงหน้าจะยังไม่มีอะไร แต่จาก “เรื่องเล่า” ที่เราได้ยิน มันก็พร้อมจะทำให้เราจินตนาการผวาเตลิดไปไกลลิบโดยอัตโนมัติ

ถ้าถามว่าชอบอะไรที่สุดในหนัง ก็ตอบได้เลยครับว่าชอบเพลง We’ve Only Just Begun ที่หนังเอามาใช้ได้อย่างหลอนสุดๆ
เกร็ดเล็กน้อยที่น่าสนใจของหนังก็คือ
+ ขวานอันที่นักดับเพลิงใช้ในตอนท้าย คือขวานอันเดียวกับที่ Jack Nicholson เคยใช้ใน The Shining
+ ตอนจบตอนแรกมี 2 แบบครับ แต่ล่าสุดกลายเป็น 4 แบบไปแล้ว ดังนี้ครับ
======== สปอยล์ครับ ==========
ตอนจบ 4 แบบมีดังนี้ครับ
แบบแรกตามต้นฉบับฉายโรง จบแบบไมค์เผาห้องนั้น แล้วนักผจญเพลิงก็มาช่วยเขาออกไป แล้วเขาก็กลับไปฟื้นฟูความสัมพันธ์กับภรรยา จากนั้นก็ฟังเทปที่เขาบันทึกไว้ แล้วก็ได้ยินเสียงลูกที่ตายไปแล้ว ซึ่งภรรยาก็ได้ยินด้วย ทำให้พวกเขาแน่ใจว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดในห้อง เป็นเรื่องจริง
แบบที่ 2 จบคล้ายแบบแรก แต่จะต่างตรงที่ไมค์จะได้ยินเสียงลูกสาวจากเทปเพียงคนเดียว ภรรยาไม่ได้ยินครับ ตอนจบแบบนี้ก็สื่อว่า เรื่องทั้งหมดอาจเป็นจริงก็ได้ หรืออาจเป็นเพียงเรื่องที่เกิดในหัวของไมค์เพียงคนเดียวก็ได้
แบบที่ 3 (จบแบบ Director’s Cut) ไมค์ตายครับ แต่สุดท้ายเขาก็ได้พบลูกอีกครั้งและร่วมเดินไปพร้อมกัน (หลังความตาย) – จริงๆ ตอนแรกหนังจะจบแบบนี้ครับ แต่พอฉายรอบทดลองแล้วคนดูไม่ชอบ เลยเปลี่ยนไปจบแบบแรกแทน
แบบที่ 4 อันนี้จบแบบไมค์ตายเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้เจอลูกสาว เป็นการจบในลักษณะที่เขาตายอย่างไม่สงบ และกลายเป็นหนึ่งในวิญญาณที่สับสนหลงทาง ติดอยู่ในห้องนี้ตลอดไป
====== หมดสปอยล์ครับ =======
สรุปว่าชอบครับ เป็นหนังสยองที่หลอนใช้ได้ น่าติดตามด้วย เพราะเราก็อยากรู้ว่ามันจะเกิดเรื่องอะไรอีก และไมค์จะรอดได้หรือไม่
และเป็นเรื่องน่ายินดีที่หนังผีเข้าท่าๆ เรื่องนี้ทำเงินคุ้มทุนแบบสุดๆ โกยไปทั่วโลก $132 ล้าน จากทุนประมาณ $25 ล้าน กำไรสวยงามครับ
ถ้าอยากดูหนังผีแหวะๆ อันนี้อาจไม่เข้าทางท่านนะครับ แต่ถ้าอยากดูหนังสยองหลอนจิตและน่าค้นหาล่ะก็ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
สองดาวครึ่งครับ

(7/10)
หมวดหมู่:Horror, Movie Reviews, Mystery, Recommended Movies, Supernatural Horror










