Adventure

Honey, I Blew Up the Kid (1992) 4 จิ๋วพลิกมิติมหัศจรรย์ 2 ตอน น้องจิ๋วรุ่นเดอะ

Honey_I_blew_up_the_kid_film_poster

นึกในใจก็ขำดีนะครับ นายเวย์น ซาลินสกี้ (Rick Moranis) นี่ก็ย่อๆ ยุบๆ ขยายๆ หดๆ อยู่นั่นแหละ 555 ภาคสองนี่ก็ทดลองจนได้เรื่องอีกครั้ง เมื่อการทดลองครั้งใหม่อย่างเครื่องขยายส่วนเกิดความผิดพลาดจนเจ้าหนูอดัม ลูกคนสุดท้องไปโดนลำแสงเข้าอีก จากนั้นอดัมก็ค่อยๆ ขยายขนาด โตขึ้นๆ จนสูงเท่าตึก 10 ชั้น งานนี้คุณพ่อเวย์นก็ต้องหาทางช่วยลูกกลับมาจับย่อส่วนให้ทันเวลาก่อนอดัมจะไปทำลายเมืองจนเสียหายไปกว่านี้

แรกเริ่มเดิมทีบทหนังที่เขียนโดย Garry Goodrow ไม่ได้เกี่ยวดองกับหนัง Honey, I Shrunk The Kid ภาคแรกแต่อย่างใด เนื้อหาว่าด้วยเด็กที่โดนรังสีขยายส่วนจนตัวยักษ์ขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เข้าทำลายเมืองโดยไม่ตั้งใจ หนังเรื่องนี้ตั้งชื่อไว้ว่า Big Baby แต่พอดีค่าย Walt Disney ผ่านไปเห็นบทนี้เข้าก็เลยคิดว่า น่าจะเอามาปรับเป็นภาคต่อของหนังชุดนี้ได้นะ ภาคแรกย่อส่วนภาคนี้ก็ขยายส่วนซะเลย จึงมีการเกลาบทกันนิดหน่อย ได้ออกมาเป็นตอนต่ออย่างที่เห็นนี่แหละครับ

สำหรับตัวหนังก็ยังดูได้เพลินๆ ครับ แต่ความสนุกสดใหม่มันไม่เท่าภาคแรก เพราะภาคแรกมันผจญภัยในสนามหญ้า แหม ใหม่ออก แล้วยังเล่นอะไรได้เยอะสุดแต่คนสร้างจะจินตนาการ แต่ภาคนี้เป็นเรื่องของเด็กตัวใหญ่บุกเมืองน่ะครับ คือนึกไปนึกมามันก็เข้าอีหรอบ Godzilla นั่นเอง

จุดแข็งที่ช่วยหนังไว้ได้พอสมควรคือนักแสดงหลักจากภาคที่แล้วมากันครบ (เฉพาะครอบครัวซาลินสกี้นะครับ ส่วนพวกทอมป์สันไม่กลับมาแสดงด้วย คาดว่าคงย้ายบ้านหนีไปแล้วน่ะครับ 555) ได้แก่ Moranis ในบทพ่อ, Marcia Strassman ในบทแม่, Robert Oliveri กลับมารับบทนิกซึ่งโตเป็นหนุ่มขึ้นเยอะ แล้วก็ Amy O’Neill ก็มาเล่นเป็นเอมี่เหมือนเดิม แต่มาแค่ต้นเรื่องนิดหน่อยครับ มาเพื่อจะบอกว่าจะไปเรียนต่อแล้วนะ แล้วก็ไม่มีบทอีกเลย ก็พอเข้าใจล่ะครับเพราะทีมงานกะจะเน้นเรื่องของนิกมากกว่า เลยตัดบทของเอมี่ออกไปหมด

ด้วยความที่เรื่องหลักๆ มันจะประมาณ Godzilla น่ะครับ เมื่อเด็กอดัมตัวใหญ่ขึ้นๆ พ่อก็พยายามหาทางแก้และปกปิด แต่มันปิดไม่มิดหรอกครับ จนในที่สุดอดัมก็ออกไปเดินเล่นทั่วเมือง พร้อมขนาดตัวที่ขยายขึ้นเรื่อยๆ จนตอนจบนั่นแหละถึงจะแก้กันได้ เลยต้องมีพล็อตรองมาเข้าช่วยพยุงหนังก็ได้แก่เรื่องของนิกกับแมนดี้ (Keri Russell กับการแสดงหนังใหญ่ครั้งแรกของเธอ) พี่เลี้ยงเด็กคนสวยที่นิกแอบชอบ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรสนุกสนานมากหรอกครับ เรื่อยๆ เท่านั้นเอง

c04b315820186cd605de0f28cd0781a45d02b0cf

แต่จุดที่ผมว่าเข้าท่ากว่าพวกหนัง Godzilla หรืออะไรยักษ์บุกเมืองก็ได้แก่ตัวอดัมนั่นแหละครับ แกเป็นแค่เด็กที่ไม่รู้อะไรเท่าไร ไม่รู้หรอกว่าตัวเองน่ะโตขึ้น แล้วข้าวของในเมืองที่แกทำเสียหายนั้นแกก็ไม่ได้มีเจตนาจะทำทั้งสิ้น แกแค่นึกว่ามันเป็นของเล่นน่ะครับ คนดูเลยพลอยให้อภัยและสงสารเจ้าหนูน้อยเวลาโดนคนทำร้ายเอา ดูแล้วนึกถึงตอนเราเลี้ยงลูกเลี้ยงเด็กครับ แกทำลายข้าวของ เล่นของเลอะเทอะ บางทีก็ไม่ใช่เพราะเขานิสัยเสียหรืออะไรหรอก เขาแค่เล่นเท่านั้นเอง และเขาก็เป็นแค่เด็กที่ออกจากท้องพ่อท้องแม่มาแล้วก็ไม่เข้าใจว่าอะไรคือรถ อะไรคือถนน อะไรคือปลั๊กไฟ อะไรจานที่แตกได้

ดังนั้นความเสียหายที่เกิดจากการเล่นแบบไม่ตั้งใจและปราศจากความยั้งคิดของเด็กนั้นการดุด่าหาใช่ทางออกไม่ครับ เราต้องสอนเขา เราต้องใจเย็นและสอนให้ลูกรู้ว่าไม่ควรทำเช่นนั้น ต้องระวังเช่นนี้ สอนกันด้วยเหตุผลดีกว่า เพราะการลงโทษด้วยความรุนแรงนั้น อาจผันแปรกลายเป็นการสะสมความก้าวร้าวให้กับเด็กไปแทนก็ได้ – อย่าทำร้ายเด็กเพียงเพราะเขาทำของเสียหายไปด้วยความไม่รู้เลยครับ

แต่หนังก็ไม่ได้เอาจุดนี้มาเล่นแบบเต็มที่น่ะครับ โดยมากจะเน้นฉากแอ็คชั่นสนุกๆ หรือฉากทำลายเมืองมากกว่า ก็เอาเถอะครับหนังฮอลลีวู้ดยุคนั้นก็ประมาณนี้แหละ ยังไม่เน้นดราม่าหรือความซึ้งเท่าไร

ถ้าถามว่าหนังดูสนุกไหม ก็บอกได้ครับว่าได้เรื่อยๆ แต่ไม่ได้น่าติดตามหรือสนุกตลอดเท่าภาคแรกที่มีอะไรมาดึงความสนใจเสมอ ส่วนวิธีการย่อส่วนลูกให้ตัวเท่าเดิมก็ลุ้นกันนิดหน่อย โอเคน่ะครับ

ดาราผมว่าก็เล่นได้ดีแหละ หนังยังได้ Lloyd Bridges มาแสดงเป็นประธานบริษัทของเวย์นด้วย ก็มาพร้อมแววตาแก่น่ารักบ้องแบ้วตามสไตล์ล่ะครับ แต่ก็ไม่เด่น ส่วนหน้าที่กำกับก็เป็นของ Randal Kleiser ที่ดังจากหนังเรื่อง Grease และ The Blue Lagoon สำหรับผมแล้วฝีมือพี่ท่านก็เรื่อยๆ น่ะครับ ไม่เลวแต่ก็ยังไม่ดี เป็นงี้เกือบทุกเรื่อง ก็พอดูได้ไม่ถึงกับผิดหวัง

ภาคแรกลงทุน $18 ล้าน ครั้นพอมาภาคนี้ก็รับการเบิ้ลทุนเข้าไปเป็น $40 ล้าน แต่รายได้นั้นถือว่าน้อยกว่าภาคแรกอย่างมากครับ ทำไปแค่ $96 ล้านจากทั่วโลก แต่ก็ยังพอกลบทุนได้ครับ

สรุปคือผมชอบภาคแรกมากกว่าครับ แต่ภาคนี้ก็โอเค ยังพอดูได้

สองดาวครับ

Star21

(6/10)