Richie Rich อาจไม่ถึงกับเป็นหนังเด็ดชั้นยอด แต่สำหรับผมตอนดูรอบแรกมันสนุกดี ครั้นเอามาดูใหม่ก็ยังเพลินๆ กับหนังสำหรับทุกคนในครอบครัวเรื่องนี้

Macaulay Culkin ถือว่าไปได้ดีเลยครับกับบทเจ้าสัวน้อยริชชี่ ริช ที่แม้จะรวยเงินแต่ไม่รวยเพื่อน และทีนี้ก็มีคนวางแผนฆาตกรรมพ่อแม่ของริชชี่ พร้อมทั้งหมายจะฮุบมรดกมหาศาลของตระกูลริชที่มีมูลค่ากว่าหมื่นล้าน งานนี้หนูน้อยริชชี่เลยต้องหาทางกู้วิกฤติให้ทันครับ

หนังบางเรื่องก็แปลกนะครับ คือเราจะสนุกไปกับมัน จะฮาจะเพลินไปกับมัน โดยที่เราจะไม่เรียกร้องความเข้มข้นของเนื้อหาหรือบทที่ซับซ้อนเลย ขอแต่ดาราเล่นกันลื่น ตัวหนังเดินไปเรื่อยๆ มีมุขฮาหยอด มีพล็อตให้ลุ้นบ้างนิดๆ แค่นี้ก็โอเคแล้ว

ดาราในเรื่องผมว่าเลือกเหมาะครับ นอกจาก Culkin แล้วที่ผมชอบมากๆ คือบทพ่อบ้านผู้แสนดีที่ Jonathan Hyde แสดงไว้อย่างน่าปรบมือ ดูแล้วเชื่อครับว่าพี่แกรักและห่วงคุณหนูริชชี่จริงๆ อีกรายก็ John Larroquette ที่เหมาะมากๆ กับบทเจ้าเล่ห์แบบนี้ ส่วนดาราเด็กก็นับว่าโอเค แต่ที่ออกจะชอบหน่อยคือพวกลูกคนรวย (ที่เรียนห้องเดียวกับริชชี่) ที่ดูเสียดสีจิกกัดลูกเศรษฐีได้ดีทีเดียว

ในแง่รายได้นั้นอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไร หนังลงทุนประมาณ $40 ล้าน ได้คืนมาจากทั่วโลกเพียง $38 ล้าน ก็เข้าข่ายขาดทุนอยู่ครับ

นอกจากนี้ยังมีเกร็ดสนุกๆ ที่น่ารู้เกี่ยวกับหนัง อาทิเช่น

+ คฤหาสน์ริชนั้น คือคฤหาสน์เดียวกับที่ใช้เป็นฉากคฤหาสน์ของเมสัน เวอร์เจอร์ ในหนัง Hannibal

+ นี่คือหนังโรงเรื่องสุดท้ายที่ Culkin แสดงบทนำ ก่อนจะเลิกเล่นหนังไป 10 ปี แล้วก็กลับมาในบทสมทบประปราย

+ David Thewlis (ที่หลายคนจำได้ในบท ศ.ลูปินในหนัง Harry Potter) เคยถูกทาบทามให้แสดงเป็นพ่อบ้านมาก่อน

ตอนเด็กๆ ดูแล้วสนุก พอโตขึ้นแล้วเอามาดูอีกมันก็สนุกไปอีกแบบ

อันที่จริงมันอาจไม่ใช่ความสนุกก็ได้นะครับ แต่มันเหมือนเราได้รำลึกความหลัง เหมือนความเป็นเด็กในตัวได้เจอเพื่อนเก่าแบบนานๆ ครั้ง ได้เล่นได้เพลินโดยไม่ต้องถามหาสาระ ไม่ต้องค้นหาเหตุผล

คนเรานั้น หากได้ลาพักร้อนจาก “การเป็นผู้ใหญ่” บ้าง มันก็รู้สึกดีเหมือนกันนะครับ

สองดาวกว่าๆ ครับ

(6.5/10)