Action

Johnny Mnemonic (1995) จอห์นนี่ เน็มโมนิค เร็วผ่านรก

1379951111

ก่อนที่ Keanu Reeves จะท่องโลกเมทริกซ์ในคราบนีโอ เขาเคยท่องโลกไซเบอร์ในคราบ “จอห์นนี่ เน็มโมนิค” มาก่อนครับ

ผมจำหนังเรื่องนี้ได้แม่น เพราะเคยนั่งเถียงกับเพื่อนว่า “ตกลงนามสกุลจอห์นนี่มันอ่านว่าอะไร?”

บ้างก็อ่าน “มีโมนิค” (เพราะ M มันนำหน้า ก็น่าจะออกเสียง M ก่อน) บางคนก็ “มนีโมนิค” (นัยว่าน่าจะเป็นญาติมณีเมขลา) แต่ในที่สุดก็ได้รู้ตอนไปดูโปสเตอร์ของไทย ตกลงว่ามันคือ เน็มโมนิค ครับ

แล้วหนังมันเกี่ยวกับอะไร? คืออย่างนี้ครับ หนังมันออกสไตล์ไซเบอร์พังค์ (Cyberpunk) ซึ่งนิยามของแนวนี้ก็คือ จะเป็นเรื่องว่าด้วยโลกอนาคต ในยุคที่ไฮเทคมาก เทคโนโลยีล้ำมาก แต่คุณภาพชีวิตคนกลับต่ำลงๆ เต็มไปด้วยอาชญากรรม การแก่งแย่งและเข่นฆ่า สภาพบ้านเมืองดูหม่นมืดไร้ชีวิตชีวา สองข้างถนนเต็มไปด้วยขยะอิเลคทรอนิคส์ เรียกว่าเป็นแนวสะท้อนด้านมืดของวิทยาการนั่นล่ะครับ

ตัวเอกคือจอห์นนี่ (Reeves) หนุ่มหน้ามนผู้มีอาชีพเป็นนักขนข้อมูล โดยจะรับบรรจุข้อมูลของผู้ว่าจ้างลงในสมองของตน แล้วก็เดินทางไปหาผู้รับเพื่อถ่ายข้อมูลเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธี (หัวพี่จอห์นนี่คือ External Harddisk นั่นเองครับ)

ทีนี้งานล่าสุดของจอห์นนี่กลับมีข้อมูลมากเกินกว่าที่สมองของเขาจะรับได้ กระนั้นจอห์นนี่ก็ยังยอมทำเพื่อเงิน แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ข้อมูลอันนี้คือข้อมูลสำคัญที่เหล่ายากูซ่าและวายร้ายกำลังต้องการ ชนิดที่ยอมฆ่าทุกคนเพื่อชิงข้อมูลในหัวจอห์นนี่มา เขาเลยต้องหลบหนีและหาทางถ่ายทอดข้อมูลชุดนี้ออกไป ก่อนที่มันจะส่งผลทำลายระบบประสาทของเขา

หนังมีดีในแง่ของการออกแบบโลกอนาคตยุคเทคโนโลยีล้ำ แต่ใจคนตกต่ำ ฉากต่างๆ ไม่ว่าจะบ้านเรือนหรือท้องถนนให้อารมณ์โลกอนาคตที่หม่นมืดได้ดี และที่ผมชอบเป็นพิเศษคืออาวุธของตัวร้ายที่สร้างสรรค์กำลังดี อย่างลวดเลเซอร์ที่ใช้ตวัดตัดทุกสิ่งได้ เป็นต้น

ดาราในเรื่องจริงๆ ก็คัดมาดีนะครับ โอเค Reeves แกอาจยังเล่นไม่ลื่นมากมาย แต่เจ้าอื่นๆ อย่าง Dina Meyer ในบทเจน สาวสวยที่คอยช่วยจอห์นนี่, Takeshi Kitano โดดลงมารับบท ทากาฮาชิที่ดูโหดและโรคจิตมากๆ และ Dolph Lundgren ในบทนักล่าจอมโหดที่ชอบปรากฏตัวในคราบของนักเทศน์ข้างถนน พวกเขาคือเป็นบทสมทบที่ไม่เลวครับ

จริงๆ บทหนังมันก็น่าสนใจอยู่นะครับ พล็อตมันโอเค ซึ่งก็ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นแนววิทยาศาสตร์ของ William Gibson และเขายังรับหน้าที่แปลงเป็นบทภาพยนตร์ด้วยตนเองอีกด้วย ในส่วนของบรรยากาศ ของจินตนาการนั้นถือว่าทำได้ดีครับ แต่มันมาพร่องตรงการเดินเรื่องที่ยังไม่ถึงขั้นน่าติดตามนัก ปมที่น่าจะชวนให้ลุ้นก็ไม่ลุ้นสักเท่าไร

แต่ก็พอเข้าใจครับว่าทำไมหนังถึงดูเด่นในเรื่องศิลป์ เรื่องฉาก นั่นก็เพราะผู้กำกับเรื่องนี้ที่ชื่อ Robert Longo เป็นศิลปินวาดภาพครับ และอันที่จริงตอนแรกเริ่มนั้น เขากับ Gibson ได้คุยกัน จนได้ไอเดียว่าจะทำหนังเรื่องนี้ แต่ในเจตนาแรกสุดนั้นเขาคิดทำแค่หนังทุนไม่สูง เป็นหนังอาร์ทๆ ศิลป์ๆ ทุนอย่างมากก็คือ 1.5 ล้านเหรียญเท่านั้น แต่พอนำไอเดียไปเสนอตามสตูดิโอกลับไม่มีใครสนใจจะให้ทุนเลยครับ จนกระทั่งเขาไปคุยกับ Sony ทางนั้นก็อยากให้ Longo และ Gibson เปลี่ยนเรื่องให้มันยิ่งใหญ่ขึ้น มีแอ็กชันไล่ล่าและลดความอาร์ทลง พร้อมมอบทุนให้เบ็ดเสร็จเกือบ 30 ล้านเหรียญ

ว่ากันว่า Longo เองยังคงรู้สึกตลกกับเรื่องนี้จนถึงทุกวันนี้ เพราะกลายเป็นว่าเขาต้องทำหนังใหญ่ๆ ทุน 30 ล้าน แต่กลับไม่มีใครยอมให้เขาทำหนังเล็กๆ ทุน 1.5 ล้านเหรียญ

ผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าหนังไม่ทำเงินนักครับ ทำไปแค่ $19 ล้านเหรียญในอเมริกา แต่ถ้ารวมทั่วโลกก็จะประมาณ $52 ล้านเหรียญ ซึ่งอาจไม่เยอะ แต่ก็ถือว่าพอเท่าทุนและได้กำไรนิดหน่อยตอนออกแผ่นด้วย

สำหรับตัวหนังนั้นก็อย่างที่บอกครับ ดูดีตรงฉาก และจินตนาการ แต่การเดินเรื่องยังไม่จับใจพอ ทว่าหากจะดูเอามันส์แบบไม่คิดอะไรมาก ผมว่าหนังมันก็ตอบสนองคอหนังสไตล์ไซเบอร์พังค์ได้ในระดับหนึ่งครับ

สองดาวครับ

Star21

(6/10)

Johnny-Mnemonic-1995