รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

Black Mass (2015) อาชญากรซ่อนเขี้ยว

10636743_1184339038263562_6344864191056359598_o

อำนาจคือสิ่งยวนใจที่ดูเหมือนจะยากต่อการต่อต้าน ยิ่งใครมีโอกาสได้มีอำนาจในมือแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้ใจตนควบคุมอำนาจที่ว่านั้น และคนส่วนใหญ่ที่มีอำนาจ ก็มักจะเป็นฝ่ายที่ถูกอำนาจควบคุมบงการเสียแทน

หนังสร้างจากเรื่องจริงของ เจมส์ ไวท์ตี้ บัลเจอร์ (Johnny Depp) เจ้าพ่ออาชญากรที่แห่งเซาท์บอสตันที่ตัดสินใจให้ความร่วมมือ (อย่างลับๆ) กับเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ จอห์น คอนเนลลี่ (Joel Edgerton) ที่เขารู้จักมากตั้งแต่เด็ก ในการส่งข่าวเพื่อโค่นแก๊งเจ้าพ่อประจำเมืองที่ร้ายและอำมหิต

แต่เมื่อไวท์ตี้มีอำนาจมากขึ้น และอำนาจของแก๊งเก่าลดลง เขาก็เริ่มกลายเป็นตัวอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ จนเอฟบีไอเองก็ต้องหันมาตรวจสอบเขาเช่นกัน

หนังถือว่าเดินเรื่องแบบเข้มข้นจริงจังครับ ใครไม่ชอบหนังเครียดก็อาจไม่ถูกจริต แต่ถ้าใครชอบหนังเจ้าพ่อแบบดิบๆ สักหน่อย ก็น่าจะโอเคกับหนังเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยครับ เพราะถือว่าหนังทำออกมาดีทีเดียว

หนังแสดงให้เห็นเลยครับว่าอำนาจกลืนคนได้แค่ไหน และอันที่จริงจะโทษที่อำนาจอย่างเดียวก็ไม่ได้ครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับตัวคนที่ได้อำนาจนั้นด้วยว่าจะคุมตัวเองได้ไหม จะเลือกที่สิ่งที่ถูกมากกว่าสิ่งที่ผิดได้ไหม และจะพยายามไม่ใช้อำนาจเพื่ออำนวยประโยชน์ให้ตัวเองได้มากแค่ไหน

เอาเข้าจริงในเรื่องอำนาจนี่ นอกจากหนังเล่าและสื่อประเด็นนี้ผ่านตัวไวท์ตี้แล้ว ก็ยังสื่อผ่านตัวละครอย่างคอนเนลลี่ ที่เป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ได้หน้าได้ตาจากการที่ไวท์ตี้เป็นสายให้ รายนี้ก็เหมือนไวท์ตี้ครับ เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่ง เมื่อเขาได้ประโยชน์จากมันมากๆ เขาก็มองข้ามสิ่งผิดที่ไวท์ตี้ทำ

หลังๆ พอหนักเข้าก็ถึงขั้นช่วยปกปิดให้เพื่อรักษาอำนาจที่ตนได้มา (หรือที่พี่แกอ้างบ่อยมากๆ ว่า “เราได้ประโยชน์จากไวท์ตี้เยอะกว่าได้ผลเสีย”) จนในที่สุดมันก็พาทั้งเขาและไวท์ตี้เข้ารกเข้าพงไปไกลจนยากจะหวนกลับมาได้

เวลาเราทำผิดนั้น เรามักมีเหตุผลเพื่ออธิบายการกระทำของตัวเองเสมอครับ แต่มันก็ต้องแยกแยะ ว่าแล้วสิ่งที่เราทำมันผิดไหม ง่ายๆ เลยคือหากคนอื่นเขาทำ เราจะมองว่ามันคือความผิดไหม เพราะถ้ามันผิดมันก็คือผิด ส่วนเหตุผลที่เราทำผิด ไม่ว่าจะจำเป็นแค่ไหนมันก็เป็นส่วนของเหตุผลครับ

แต่เหตุผลที่ว่าไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาลบล้างความผิดของเรา หรือเปลี่ยนในความผิดของเรากลายสิ่งที่ไม่ผิดขึ้นมาได้

เหมือนเราปล้นเขา เราอาจปล้นเพราะอดยาก เพราะจำเป็น ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เราทำผิด แต่ยังไงปล้นก็คือปล้น มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องอยู่ดี ไม่ว่าเราจะปล้นเพราะอะไรก็ตาม

ถ้าเราแยกแยะสิ่งนี้ไม่ได้ เราก็อาจจะไม่สามารถยับยั้งตนเอง ไม่ให้ก่ออันตรายให้ตนเองหรือผู้อื่นได้

Depp เล่นได้ดีเช่นเคยครับ เขาดูโหดเหี้ยมเลือดเย็น แต่ขณะเดียวกันแววตาของเขาในบางจังหวะก็ชวนให้อดคิดไม่ได้ว่า เขาเองก็ไม่นึกว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้ได้ เช่นเดียวกับ Edgerton ที่สีหน้าดูซ่อนทุกข์มากขึ้นเรื่อบๆ แม้ใบหน้าจะยิ้มกว้างแค่ไหนก็ตาม

Benedict Cumberbatch ถือว่ามาสมทบเช่นเดียวกับ Dakota Johnson กระนั้นแต่ละคนก็แสดงได้ดีครับ เพียงแต่จะไม่เด่นมากเท่านั้นเอง

หนังกำกับโดย Scott Cooper แห่ง Crazy Heart ที่ทำให้ Jeff Bridges ได้ออสการ์ ซึ่งเขาก็คุมหนังเรื่องนี้ได้ดีครับ กลิ่นอายชวนให้นึกถึง Ridley Scott กับ David Fincher เพียงแต่อาจจะไม่เด็ดคลาสสิกขนาดนั้นเท่านั้นเอง แต่ก็ถือว่าเป็นหนังแนวเจ้าพ่ออาชญากรที่ทำออกมาได้ดีเรื่องหนึ่งครับ

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)