
ภาคแรกอาจไม่โกยเงินไปเท่าไหร่ (ได้ไปไม่ถึงล้านเหรียญ) แต่ตอนออก VDO โกยสบายพุงล่ะครับ การทำภาคต่อเลยเป็นเรื่องปกติสามัญ โดยได้ผู้กำกับและเขียนบทอย่าง Anthony Hickox มากุมบังเหียนเช่นเคย
เรื่องราวต่อเนื่องจากภาคแรกแบบช็อตต่อช็อตเลยครับ หลังเหตุการณ์ถล่มพิพิธภัณฑ์อาถรรพ์ มาร์ค ลอฟมอร์ (Zach Galligan) กับ ซาร่าห์ ไบร์ทแมน (เปลี่ยนคนแสดงมาเป็น Monika Schnarre) สองคนก็กลับบ้านเพื่อหวังว่าจะลืมฝันนรกอันนี้ แต่ทว่าเรื่องราวสยองยังไม่จบ เมื่อเกิดมีมือปีศาจมาฆ่าพ่อของซาร่าห์ตาย
เธอพยายามเล่าให้ตำรวจฟังแต่ใครจะเชื่อล่ะครับว่ามือปีศาจ (แบบใน Evil Dead II น่ะ) จะมีอยู่จริง ทำให้มาร์คต้องออกโรงช่วยเธอโดยการผจญภัยไปยังมิติแห่งกาลเวลา เพื่อตามหาความจริง อันนำพวกเขาไปสู่อดีต และอนาคต พวกเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง
ครับ ผมชัวร์แล้วว่าพี่ Anthony แกทำเพื่อสนองตัวเองจริงๆ ภาคก่อนยังสยองนะ มาภาคนี้เป็นแนวผจญภัยปนฮาไปเลยครับ แต่สไตล์ยังคงเดิม นั่นคือมีมิติให้พวกพระเอกต้องเข้าไปเจอเรื่องสยอง แต่เปลี่ยนจากห้องหุ่นมาเป็นเจาะเวลาครับ ไปตามยุคต่างๆ เจอเรื่องแปลกๆ สารพัด ซึ่งก็หนีไม่พ้นหยิบยกมาจากหนังเรื่องต่างๆ นั่นแหละครับ และภาคก่อนมันทำในเชิงสยองอยู่ แต่ภาคนี้ออกแนวล้อเลียนแล้วล่ะ
ดังนั้นลึกๆ แล้วผมจึงบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าภาคไหนจะดีกว่า เพราะแม้จะโครงเดียวแต่แนวมันคนละแบบ ภาคแรกเด่นสยองมีฮาแทรก แต่ภาคนี้ไร้สาระหนักเข้าไปใหญ่ แต่ก็มีผจญภัยและฮาไม่ใช่ย่อย ถ้าท่านชอบหนังสยองน่ะนะครับ มันยำไว้เยอะจริงๆ ดูแล้วอ๋อเป็นฉากๆ แน่ อย่างไอ้มือบ้านั่น แล้วยังมีดารารับเชิญอย่าง Bruce Campbell อีก ไม่ให้นึกถึง Evil Dead ได้ไง
อันนี้คงต้องแล้วแต่รสนิยมล่ะนะครับ ถ้าชอบยำแบบสยองก็คงชอบตอนแรก แต่ถ้าชอบยำแบบล้อๆ ก็คงสนุกกับภาคสองพอสมควร แต่หนังไม่ได้ฮาเด็ดครับอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ไม่ถึงกับสุดยอดจนต้องดู มันดีตามยถากรรมนั่นแหละ เรื่อยๆ ดูเพลินๆ สำหัรบคอหนังสยอง แต่ถ้าคุณไม่คุ้นเคยหนังสยองที่เขาล้อก็คงจะนิ่งๆ ส่วนการเดินเรื่องการผจญภัยก็ไม่ได้เร่งเร้าจนน่าติดตาม หนังเลยออกจะเอ่ยๆ ในช่วงกลางนะครับ
แต่ตอนต้นจะน่าสนหน่อย ถ้าใครดูภาคแรกมาก่อนน่ะนะครับ เพราะเนื้อเรื่องมันชวนสงสัยว่าตกลงเรื่องมันเกิดยังไง และพวกพระเอกจะแก้สถานการณ์ยังไงต่อไป ก่อนจะมีน่าติดตามอีกทีตอนท้าย เมื่อมาร์คต้องสู้กับวายร้ายแบบทะลุมิติไปเรื่อยๆ น่ะครับ ประมาณไปโผล่ในฉากหนังเรื่อง Dr.jekyll & Mr.Hyde แล้วก็ไปโผล่ใน Alien ต่อ ตามด้วย Nosferatu เวอร์ชั่นขาว – ดำ พอพี่มาร์คแกทะลุมามิตินี้ภาพกลายเป็นขาวดำแล้วก็กลายเป็นหนังเงียบไปเลย เออ บ้ากันดีครับ

แล้วยังมีไปโผล่ใน Frankenstein, Jack The Ripper, Godzilla แล้วก็ Dawn of the Dead อันหลังนี้ชอบมากครับ เพราะมันเข้าไปในฉากตอนที่คนในห้างกำลังยิงกับซอมบี้อยู่ แล้วพี่มาร์คแกก็ติดพันตีกับวายร้ายจากอีกมิติหนึ่งทะลุไปโผล่ที่ห้าง แกก็ตีกันไป ไอ้พวกในห้างก็ยิงซอมบี้ไป แต่ก็ต้องยอมรับล่ะครับว่าพี่ Anthony แกยังมือไม่เด็ดขนาดนั้น ไม่งั้นฉากทั้งหลายคงออกมาฮากว่าที่เป็นแน่
ครับ ถ้าท่านหวังความสยองแบบภาคแรกล่ะต้องทำใจนิดนึงนะครับ มันเน้นตลกเป็นหลักแล้วล่ะ ส่วนผมก็ยังชอบภาคแรกมากกว่าเพราะมันลงตัวกว่ากันครับ จังหวะดูดี บรรยากาศถึงเครื่องกว่า มาภาคนี้มันยังไม่ลงตัวเท่า ไม่งั้นคงบ้าฮากว่านี้เยอะ
Galligan มายังไงก็อย่างนั้นครับ บทเดิมสไตล์เดิม คนดีที่โลกรอไม่มีเปลี่ยน ความสนุกของหนังก็ยังตกไปอยู่ที่ดาราสมทบเช่นเคย ซึ่งภาคนี้มากันเยอะขึ้น ตั้งแต่ Bruce Campbell (The Evil Dead), Sophie Ward (นางเอก Young Sherlock Holmes), Marina Sirtis (เจ้าของบทเดียน่า ทรอย แห่งซีรี่ส์ชุด Star Trek: The Next Generation), David Carradine, Alexander Godunov (มือขวาของฮานส์ กรูเบอร์ใน Die Hard) และก็อตซิลล่า (มันขึ้นชื่อในเครดิตจริงๆ ครับ)
แม้จะไม่ใช่หนังดีเด่ แต่ไม่เลวครับสำหรับหนังชุด Waxwork ดูแก้เบื่อได้ หนังเพลินๆ ปนสยองปนตลกน่ะครับ ขอเพียงดูแบบอย่าไปจริงจังน่ะครับ ขำๆ สนุกๆ ท่านก็น่าจะบันเทิงกับหนังชุดนี้ได้ครับ กับงานแจ้งเกิดชุดแรกของผู้กำกับคนนี้
สองดาวกว่าครับ

(6/10)
หมวดหมู่:Comedy, Fantasy, Horror, Movie Reviews, Supernatural Horror










