Comedy

Saturday the 14th (1981) 14 วัน มหัศจรรย์หฤโหด

11143238_sa.jpg;max;max

ผมได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้มานานพอควร แล้วก็หามานานเหมือนกันครับ แต่ก็คิดในใจว่าไม่น่าเจอหรอก หนังไม่ได้ดังอะไร คำชื่นชมนิยมก็ไม่มี

แต่ผมก็ได้ดูจนได้ในยุคสมัยที่วงการหนังแผ่น VCD ในบ้านเรากำลังเบ่งบานครับ สมัยนั้นน่ะหนังเก่าๆ ที่ไม่ดังจำนวนมากจะมีค่ายหนังแผ่นขยันเข็นกันออกมาเพียบ (อาจเพราะค่าลิขสิทธิ์ถูกครับ) แต่พวกหนังดังๆ ดีๆ ระดับตำนานล่ะนานทีปีหนมากๆ

โอเค นี่มันหนังอะไร…. อย่างที่บอกครับทำออกมาล้อเลียน ในเมื่อ ศุกร์ 13 มันดัง พี่แกเลยเข็นเสาร์ 14 ออกมาต่อซะอย่างงั้นเลย ช่างคิดจริงๆ ครับ

เรื่องไร้สาระทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อ จอห์น (Richard Benjamin) ได้รับมรดกเป็นบ้านหลังเก่าแก่หลังหนึ่ง (เก่าโคตร จนไม่ทราบว่าพวกพี่แกอุตริเข้าไปอยู่ได้ยังไง) ช่ายครับ พวกพี่แกด้วยความจำเป็น เพราะไม่ได้ร่ำรวยอะไร เลยย้ายเข้าไปอยู่ พร้อมภรรยาที่ชื่อ แมรี่ (Paula Prentiss) ลูกสาวคนโตชื่อ เด็บบี้ (Kari Michaelson) และลูกชายคนเล็กชื่อ บิลลี่ (Kevin Brando)

และลูกชายคนเล็กนี่แหละครับที่ดันไปพบเห็นอะไรแปลกๆ ในบ้าน อย่างตัวประหลาดที่เดินเพ่นพ่าน ตำราปีศาจในตู้เย็น และอื่นๆ อีกมากมาย มิหนำซ้ำยังมีชายประหลาดที่แปลงร่างเป็นค้างคาวได้ (Jeffrey Tambor)… เจ้าตัวประหลาดเหล่านี้ต้องการอะไรจากพวกเขา… หรือต้องการตำราปีศาจ

…. หรือต้องการครองโลก? ถ้าเป็นงั้นจริงเจ้าหนูน้อยก็ต้องหาทางสู้ล่ะ

คือ … คุณครับ … คือ … ขอตั้งสติครู่หนึ่งนะ … โอเค คือถ้าท่านดูหนังเรื่องนี้จบคงมีอาการมึนงงไม่แพ้ผมล่ะครับ (หรือไม่ผมก็บ้าไปคนเดียว) หนังมันรวมมิตรรวมฮิตความติงต๊อง ไร้สาระ และอื่นๆ อีกมากมาย พล็อตก็ยำมั่วไปหมด คือเข้าใจครับว่ามันเป็นหนังตลกล้อเลียนนะ แบบ Airplane! ก็ไม่มีพล็อตเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกัน แต่จุดที่ต่างคือเรื่องนั้นมันทำออกมาสนุกและฮา แต่เรื่องนี้ออกมากลับเฝื่อนๆ ซะเป็นส่วนใหญ่

หนังรวบรวมเอาเรื่องไร้สาระมากมาย จากหนังสยองขวัญมาน่ะครับ เหมือนเป็นการจิกกัดหนังสยอง คือถ้าดูให้ขำมันก็ได้ล่ะครับ เพียงแต่ต้องคิดต้องขบให้ลึกหน่อย บางฉากต้องเอาจอบมาขุดน่ะ ซึ่งดูท่าว่าพี่ผู้กำกับแกจะมีจินตนาการล้ำลึกมากหรือไม่ก็พยายามสร้างความฮาแนวใหม่ แต่ดูๆ ไปมันไม่ถึงกับฮาเต็มที่ คือดูก็รู้ล่ะครับว่ามันพยายามล้อ พยายามทำเรื่องให้ตลก แต่ไม่รู้เพราะพยายามมากจนออกหน้าออกตาหรือเปล่าคนดูเลยจับได้

คือการทำหนังแนวนี้มันต้องคิดเหมือนกันนะครับ ไม่ใช่ทำออกมาง่ายๆ อย่างมุกนี้ต้องให้คนดูเข้าใจว่าแซวอะไร และต้องแซวให้ตรงจุดมันถึงจะฮา ยกตัวอย่างเช่น Scary Movie เงี้ยคือมันแซวดีแซวโดน เอาสถานการณ์มายำกับฉากฮาๆ แต่ก็ต้องทำฉากนั้นออกมาให้ตลกด้วย ถ้าแซวอย่างเดียวมันก็แค่แซวน่ะครับ ไม่ได้ก่อความขำขึ้นมาหรอก

และหนังเรื่องนี้มันแซวทั้งเรื่องแหละครับ อย่างบ้านนี้ดูสยองจะตายแต่พวกนี้ยังอยู่ได้ และเกิดเรื่องประหลาดสารพัดแต่พ่อแม่ดันไม่สงสัยเลย ปล่อยให้ลูกตะโกนโวยวายอยู่คนเดียว ก็เหมือนจะกัดหนังสยองส่วนมากที่เด็กมักเห็นแต่ผู้ใหญ่ไม่ค่อยเชื่อ ไม่ค่อยรู้สึกจนกว่าจะถึงตอนจบน่ะแหละพวกผู้ใหญ่ถึงจะหันมาเชื่อกัน แต่มันก็แค่แซว แค่หยิบความติงต๊องของหนังสยองมาย้ำเท่านั้นน่ะครับ ในขณะที่ความฮาดันไม่ใส่ลงมาด้วย

และตัวละครทั้งหลายก็ดูหลุดโลกทั้งสิ้น แต่อนิจจาไม่มีฮาซักคน ตัวละครที่น่าจะฮาอย่างวัลเดมาร์ (ชายที่แปลงเป็นค้างคาวน่ะแหละ) ก็เหมือนจะมาติงต๊องนะ เป็นแดร๊กคูล่าติงต๊อง แต่ก็เป็นความฮาแบบพยายามอีกเหมือนกัน คือพูดทำท่าเบื่อนั่นเบื่อนี่ แต่มันดูเหมือนคนขี้เบื่อมากกว่าน่ะครับ ไม่ได้ยิงมุกหรืออะไร

หรือตัวสำคัญที่น่าจะมายิงมุกได้กระจุยอย่าง แวน เฮลซิ่ง (Severn Darden) คือถ้าแกมาแบบหน้าตายอย่าง Leslie Nielsen ได้ฮาตายล่ะครับช่วงครึ่งหลังน่ะ แต่พี่แกดันมาแบบจริงจัง พูดเรื่องตำนานเล่าแบบจริงจัง … แล้วจะให้ตูขำอะไร จะจริงจังทำไมล่ะครับ ถ้าแกจริงจังแล้วมีหลุดมุกแต่หน้ายังจริงจังอยู่ก็ยังพอไหว แต่นี่มันจริงจังทั้งคำพูด ทั้งเรื่องราว ตอนแรกผมนึกว่าตำนานที่เขาเล่าจะออกงี่เง่านะ และมันก็ออกมางี่เง่าจริงๆ แต่พี่ดันจริงจัง เล่าจริงจัง และเนื้อเรื่องหนังจากนั้นก็ดันเดินแบบจริงจังด้วยนะ เออ จะเอายังไงกันแน่ครับ จะให้ผมฮาหรือให้ผมจริงจังว่ามาเลยดีกว่า สับสนนะเนี่ย

เฮ่อ ผมเล่าไปผมยังสับสนเลยครับ สรุปแบบพอเข้าใจคือ ดูเหมือนอะไรต่างๆ มันจะผิดที่ผิดทางไปหมด มุกที่ควรใส่ก็ไม่มี เรื่องที่เกิดในหนังมันติงต๊อง แต่แกดันทำเหมือนหนังจริงจัง อย่างคนตายนี่ก็ตายจริงนะครับ ตายโหดด้วย มีหัวหลุดมากองเงี้ย Effect หัวก็น่ากลัวใช่เล่นนะ จนผมไม่เข้าใจว่าแกต้องการอะไรกันแน่

เป็นงานกำกับของ Howard R. Cohen ซึ่งแกร่วมเกลาบทด้วย และนี่คืองานกำกับแรกของเขา จริงๆ ตอนไตเติ้ลก็ดีนะครับ ดูเหมือนจะติงต๊องใช้ได้ แต่พอดูหนังจริงๆ เหมือนแกยังไม่รู้น่ะว่าแนวทางที่ควรมันคืออะไร แกเลยจับโน่นผสมนี่ แกกะจะให้เราฮาตรงที่ เรื่องราวมันจริงจัง แต่ตัวละครกลับงี่เง่าไม่รู้อะไรเลยแบบซิตคอมล่ะมั้งครับ แต่มันไม่ฮานี่ซี่ อารมณ์มันขัดกันเองมากเกินไป มันไม่สามารถก่อความขำขึ้นมาได้น่ะครับ ก่อแต่ความงงมากกว่า

แต่ถ้าถามว่ามันมีดีบ้างมั้ย ผมก็คงบอกว่า มีครับ คนที่มาเล่นเป็นเด็บบี้น่ะน่ารักดี อิอิอิอิ น่ารักดีนะครับ แต่นอกนั้นผมไม่รู้จะชมอะไรน่ะ ไม่รู้ผมต้องดูอีกซักรอบสองรอบหรือเปล่าถึงจะเข้าใจมุกทั้งหมด จริงๆ ผมก็เข้าใจแหละครับแต่มันไม่ขำอ้ะ ถ้าเราใช้ศัพท์ปัจจุบันคงต้งบอกว่ามุกมันแป๊ก แป็กแล้วแป๊กอีก แป๊กทั้งเรื่อง

เอาเป็นว่าถ้าคอหนังล้อเลียนอยากลองของล่ะก็ได้ครับ เพียงแต่หนังมันไม่ได้ฮาหรือดีเท่าใดนัก ต้องทำใจหน่อยนะครับ อย่างผมนี่ยอมรับเลยว่าฮาน้อยมาก ผมก็พยายามฮากับหนังนะ แต่ท่าทางผมคงมีความสามารถไม่ถึง เลยไม่ฮา และยังนั่งไม่เข้าใจหนังจนถึงทุกวันนี้ สรุปกับตัวเองได้สั้นๆ ว่า หนังทำได้ไม่ฮานั่นเอง

ถ้าอยากดูหนังฮาจริง ไปหาหนัง Airplane! หรือ The Naked Gun มาดูดีกว่าครับ ขำกว่ากันเยอะ …

… ไมได้ชาตินิยม แต่ผมว่าพยัคฆ์ร้ายส่ายหน้าที่ว่าเฉย ยังขำกว่ากันมากเลยล่ะครับ

หนึ่งดาวครับ

Star11

(4/10)