
หนังเรื่องนี้ก็ถือได้ว่าแก่เก่าเล่ายี่ห้ออีกเรื่องหนึ่ง เป็นงานกำกับของ Wes Craven แห่ง A Nightmare on Elm Street และ Scream นะครับ ผมก็มารู้ตอนดูนั่นแหละว่าเป็นงานของแก แต่ชื่อไทยนั้นผมว่าผมคุ้นครับ ได้ยินมานานแล้วล่ะ
เป็นเรื่องราวของ พอล คอนเวย์ (Matthew Laborteaux) เด็กฉลาดนักประดิษฐ์มือดีที่ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองใหม่กับแม่ (Anne Twomey) พร้อมด้วยหุ่นยนต์สุดรักของเขาที่ชื่อ บีบี เป็นหุ่นกระป๋องสีเหลืองน่ะครับ
การย้ายเข้ามาในเมืองใหม่ก็แปลกสำหรับเขาในตอนแรกล่ะครับ ไหนต้องมาปรับตัวอะไรอีก แต่โชคดีที่เขาได้เจอกับ ทอม ทูมี่ย์ (Michael Sharrett) หนุ่มอารมณ์ดี และ ซาแมนต้า พริงเกิล (Kristy Swanson) สาวสวยที่พอลชอบตั้งแต่แรกเห็น พวกเขาเหล่านี้ช่วยทำให้การปรับตัวในเมืองใหม่เป็นไปได้ง่ายขึ้น ชีวิตของพอลทำท่าว่าจะลงตัวด้วย
แต่แล้ว วันหนึ่ง เขากลับต้องสูญเสียสิ่งที่เขารักที่สุดไปทั้งหมด นั่นทำให้พอลตัดสินใจใช้ความสามารถเชิงวิทยาศาสตร์เท่าเขามี ในการลงมือทำตนเป็นพระเจ้า ให้ชีวิตแก่สิ่งที่ตายไปแล้ว … และนั่น คือจุดเริ่มของความสยอง
… คิดยังไงครับ ฟังแล้วคล้าย Frankenstein นะ จริงๆ แนวเรื่องก็ใช่ล่ะครับ พระเอกเสียสิ่งที่รักไป แล้วก็ไม่ยอมรับการสูญเสียนั้น เขาเลยตัดสินใจชุบชีวิตคนที่เขารักขึ้นมา แล้วเจ้าสิ่งที่ฟื้นมานั้นมันไม่ใช่คนที่เขารักอีกต่อไป จากนั้นมันก็จะฆ่าคนไปเรื่อยๆ ในที่สุดพระเอกก็ต้องมาชดใช้แก้ไขในสิ่งที่เขาได้สร้างมาเอง และหนังเรื่องนี้ก็เล่นกับประเด็นนี้แหละ
พอดูแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกคือ หนังสยองของพี่ Wes Craven ในยุคก่อนนั้น มักจะมาในรูปแบบที่ยากจะคาดเดาครับ อย่าง The People Under The Stairs หรือ The Serpent and The Rainbow ที่เปิดเรื่องมาเราจะเดาไม่ถูกเลยครับว่าเรื่องราวมันจะไปทางไหน เรื่องนี้ก็เหมือนกันครับ ตอนแรกก็เดาทางไม่ถูกเหมือนกัน ซักพักหนึ่งก็เริ่มพอจะเดาได้ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะเดาได้ตลอดหรอกนะครับ อย่างการสูญเสีย “สิ่งที่พอลรัก” นั้นก็มาในแบบคาดไม่ถึงอยู่เหมือนกัน แบบไม่ทันตั้งตัวน่ะ

แม้หนังจะไม่เด่นอะไรนัก แต่บรรยากาศและโทนหนังของ Craven นั้นมันจะมีกลิ่นอายบางอย่างเจืออยู่เสมอครับ อันนี้แปลกเหมือนกัน แต่ก็บอกไม่ถูกว่ากลิ่นอายอะไร เป็นเหมือนความไม่น่าไว้วางใจมั้งครับ อย่างความมืดของเมืองยามค่ำคืนก็ไม่ใช่มืดแบบเปล่าๆ มันมืดแบบแฝงความลึกลับอยู่น่ะ ไม่รู้คนอื่นเป็นมั้ยนะครับ แต่ผมดูหนังของแกทีไรเป็นทุกที เหมือนว่าหนังทุกเรื่องที่แกทำนั้นจะเป็นโลกแบบที่เขาสร้างขึ้นน่ะ เป็นอีกโลกหนึ่ง โลกที่ความสยองทุกรูปแบบสามารถเกิดขึ้นได้
ผลที่ออกมา ผมว่าไม่เลวนะ มันไม่สยองเต็มที่ แต่ Craven แกมีความสามารถพอจะทำให้หนังมันออกมาในโทนน่าหวาดผวา เนื้อหาดูเหมือนจะโล่งๆ ครับ แต่ยิ่งดูก็ยิ่งได้ความตื่นเต้นมา แม้เราจะรู้ว่ามันมาแบบ Frankenstein แต่เขาก็ทำความตื่นเต้นในแบบของตนเองลงมาได้ เหมือน Red Eye น่ะครับ แม้จะเดาทางได้ แต่ Craven ก็สามารถเหยาะความลุ้นลงไปได้อยู่ดี
ดาราถือว่าเรื่อยๆ ครับ รายที่เด่นก็คือ Swanson ดาราสาวสวยที่ไม่ดังซะที แต่เธอน่ารักมากครับ แล้วบทในเรื่องตอนครึ่งหลังเธอก็ต้องพลิกไปเช่นกัน เป็นแนวน่ากลัวน่ะ แล้วก็น่ากลัวจริงๆ เอาแค่ตอนวิ่งเข้ามาหากล้องแล้วตาเหลือกนั่น ผมแทบจะวิ่งจากหน้าจอทีวีแน่ะ มันไม่ใช่คนอย่างแน่นอนครับ หลอนจริงๆ อีกรายที่เด็ดก็คือ Anne Ramsey ดาราหญิงแก่ที่หน้าโหด ท่านอาจจำเธอได้จาก The Goonies นะครับ ในเรื่องก็เป็นเอลไวร่า เพื่อนบ้านจอมโหดของพอลที่จะว่าไปก็เป็นตัวก่อเรื่องก็ได้
ก็เป็นอีกงานของ Craven ที่แม้จะไม่ได้ดีเด่ แต่ก็ดูได้ อย่างน้อยผมก็ชมในเรื่องบรรยากาศล่ะฮะ ไม่เลวเลย ตอนจบก็สะใจคอหนังสยองนะผมว่า ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าจะมีคนเอามาลงสตรีมไหม แต่ก็รีวิวให้รู้จักกันไว้นะครับ อยากดูหรือไม่ว่ากันอีกที แต่บอกไว้ก่อนว่าหนังไม่ได้คุ้มถึงขนาดต้องตามซื้อเก็บหรอกครับ
สองดาวครับ

(6/10)
หมวดหมู่:Horror, Movie Reviews










