จำได้ว่าตอนดูหนังเรื่องนี้ในโรงเสร็จ เพื่อนที่ไปดูด้วยก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า “หนังเรื่องนี้มันจะสื่อถึงอะไรกันแน่?”

ผมก็ตอบไปตามใจคิดว่า “คงจะสื่อถึงความมันส์นั่นแหละ”

สำหรับผม Starship Troopers เป็นหนังแอ็กชันไซไฟที่ดูได้เพลินมาก เอามันส์แบบเต็มๆ เราจะได้เห็นเหล่าตัวเอกแบกปืนไปยิงกระสุนซัดแมลงยักษ์ตัวร้ายจากนอกโลก ซึ่งถ้าพูดถึงความมันส์แล้วผมว่าหนังตอบสนองให้เราได้แบบไม่ผิดหวังเลยครับ ยิงกัน สู้กัน หนีกัน มีอะไรให้ลุ้นตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแต่มันอาจไม่ใช่หนังบู๊ที่มีอะไรลึกซึ้งมากมายเท่านั้นเอง

ผู้กำกับ Paul Verhoeven แห่ง Robocop ถือว่าคุมหนังเรื่องนี้ได้อยู่ครับ หนังอุดมไปด้วยความมันส์ ฉากสู้กันแบบตื่นเต้นชวนลุ้น และที่ขาดไม่ได้สำหรับหนังของพี่เขาก็คือฉากแหวะนิดๆ ประเภทอวัยวะอยู่ที่ไม่ทราบ และฉากวับๆ แวมๆ พอประมาณ (พอที่จะทำให้หนังที่พี่เขากำกับติดเรต R เสมอ)

ตอนดูรอบแรกติดใจในความมันส์ครับ พอโตขึ้นมาแล้วย้อนดูอีกรอบก็รู้สึกว่าหนังมันก็ไม่ได้ถึงกับโล่งโถงไร้ประเด็นเสียทีเดียว

ตัวหนังนั้นคือแอ็กชันว่าด้วยสงครามระหว่างทหารกับเหล่าแมลงตัวโตๆ โดยที่ 70% จะแน่นไปด้วยแอ็กชัน แต่ก็ยังมีพื้นที่อีกประมาณ 1 ใน 3 แอบจิกกัดมนุษย์อยู่เนืองๆ ไม่ว่าจะการที่กองทัพส่งทหารไปรบกับแมลงที่ดาวของมัน ที่เหล่าทหารกลับต้องแบกปืนกลไปรัวกระสุนใส่แมลง (ที่เคลื่อนที่ได้ไวและมาทีละร้อยกว่าตัว) พอสู้แพ้มีทหารตายไปมากมายก็ค่อยสั่งให้ถอย แล้วก็เปลี่ยนผู้บังคับบัญชาใหม่ ใช้แผนใหม่ไปสู้ พอตายอีกก็ถอยอีก เปลี่ยนผู้บังคับบัญชาอีก คือกว่าจะได้แนวทางในการรบศพทหารก็กองสูงลิ่วไปแล้ว แทนที่จะใช้อาวุธที่ทันสมัยกว่า ใช้เลเซอร์หรือระเบิดปูพรม หรือไม่ก็อาวุธถล่มดาวมันไปเลยก็กลับไม่คิดทำ อันนี้ก็ออกแนวกัดเหล่าผู้นำในสงครามที่กว่าจะทำอะไรเข้ารูปเข้ารอย ความเสียหายก็เพิ่มขึ้นมากมายแล้ว

หรือเหล่าโฆษณาชวนเชื่อในหนัง ประมาณว่ากองทัพออกโฆษณาให้ประชาชนไปออกรบกัน ก็เหมือนย้อนไปสมัยอดีตที่มีการชวนเชื่อให้ไปรบ หรือเกณฑ์คนด้วยคำสวยๆ หรูๆ ให้คนทำอะไรบางอย่างตามที่ทางการต้องการ (โดยที่สิ่งที่ทางการอยากให้ทำนั้นอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดก็ได้ แต่เป็นเพียงสิ่งที่ทางการ “คิดเอา” ว่าดีที่สุดเท่านั้น)

ดูๆ ไปก็เหมือนหนังจะกัดโลกแห่งสงครามน่ะครับ กัดโลกแห่งผู้นำ แต่กระนั้นถ้าให้ว่าตามจริงแล้ว หลักๆ ของหนังคือการสู้รบลุยมากกว่าจะลงลึกในเรื่องการจิกกัดอะไรเหล่านี้

ดังนั้นคำแนะนำสำหรับหนังเรื่องนี้คือ ถ้าคุณชอบหนังมันส์ๆ ลุยๆ Effect มากมาย ความตื่นเต้นและลุ้นมากมีก็เรื่องนี้ได้เลยครับ สนุก มันส์ มีอารมณ์ขันเจือในระดับพอเหมาะ แม้ดารานำซึ่งเป็นหน้าใหม่ (ในขณะนั้น) อย่าง Casper Van Dien และ Denise Richards จะเล่นได้ไม่ลื่นเต็มที่ แต่หนังก็ได้บทสมทบอย่าง Dina Meyer มาช่วยเติมรสชาติ แล้วก็ได้ Jake Busey, Neil Patrick Harris, Clancy Brown และ Michael Ironside มาช่วยเพิ่มความเข้มให้กับหนังได้อย่างน่าปรบมือ

แต่ถ้าถามถึงพระเอกตัวจริง ก็ต้องยกให้ Effect ต่างๆ ไม่ว่าการเนรมิตเหล่าแมลง ฉากสู้รบ ฉากแหวะ หรือฉากอวกาศที่ทำออกมาได้เนียนไม่เลว (สำหรับหนังปี 1999) จนไม่น่าแปลกใจที่ทุนจะทะยานไปถึง 100 ล้านเหรียญ ส่วนรายได้ที่ได้ก็ประมาณ 110 ล้านจากทั่วโลก เรียกว่าไม่คุ้มทุนเท่าไรนัก คำวิจารณ์ก็อยู่ในแดนลบ แต่เมื่อเวลาผ่านไปคนก็ตระหนักว่าหนังมันมีดีที่ความมันส์ครับ ทำให้มาได้รับความนิยมต่อตอนออกแผ่น และตอนนี้ก็มีการทำต่อมาอีกหลายภาค (แต่เป็นหนังลงแผ่นหมดนะครับ)

และนี่ยังเป็นหนังที่ผู้กำกับ Verhoeven ออกมาบอกว่าเป็นผลงานที่เขาชอบที่สุดในบรรดาหนังที่เขากำกับมาครับ

เป็นหนังอีกเรื่องที่เหมาะสำหรับใครก็ตามที่ปรารถนาอะไรมันส์ๆ ครับ รับรองดูเพลินตื่นเต้นแน่นอน

สองดาวครึ่งครับ(7/10)