First Blood ผลงานแจ้งเกิดถัดจาก Rocky ของพี่ Sylvester Stallone ในบท จอห์น เจ แรมโบ้ อดีตทหารสงครามเวียดนามที่เดินทางไปเยี่ยมเพื่อนร่วมรบ เขามาดีครับและพยายามเป็นมิตร แต่วิลเลี่ยม ทีเซล (Brian Dennehy) นายอำเภอของเมืองนั้นกลับเห็นเขาเป็นพวกจรจัดและหาเรื่องเขาทุกวิถีทาง ทั้งขับไล่ จ้องเอาเรื่อง และจับเขาเข้าคุก
จนในที่สุด แรมโบ้ก็ถึงจุดเดือด อาละวาดด้วยความบ้าคลั่ง แล้วก็แหกคุกออกมา และเปิดเกมล่าไล่กำจัดพวกของทีเซล ทีนี้เรื่องราวก็ลุกลามใหญ่โตไปเป็นระดับพล่านระเบิดเมืองเลยครับ
ตัวหนังเข้าข่ายมันส์ครับ ส่วนที่เด่นมากคือตอนที่แรมโบ้ต้องหลบหนีการตามล่าของพวกทีเซลเข้าไปซุ่มอยู่ในป่า แล้วก็เล่นงานกับพวกนั้นด้วยการซุ่มโจมตี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพิษสงของแรมโบ้อย่างมาก ว่านายคนนี้ไม่ธรรมดานะ ถูกฝึกมาเพื่อฆ่าจริงๆ
การโจมตีแบบทหารพราน มีกับดักและการวางแผน ในแง่แอคชั่นนี่ทำได้ดีมากครับ ทั้งตื่นเต้นและมันส์ ส่วนเนื้อเรื่องของหนังก็ทำได้น่าติดตามด้วย เพราะเราไม่รู้เลยว่าแรมโบ้จะทำอะไรต่อไปและเรื่องมันจะจบลงแบบไหน ก็เรียกว่ามีลุ้นตลอดไปจนจบครับ
และหนังยังได้การแสดงที่น่าหมั่นไส้สุดๆ ของ Dennehy พี่แกน่าตื้บมากๆ ครับ เล่นได้ถึงมาก แล้วดูๆ ไปตัวละครแบบทีเซลนี่ก็มีอยู่จริงๆ ในโลกของเราน่ะนะครับ พวกชอบเหยียดคนอื่น ชอบมองคนที่เปลือกนอก อีกทั้งเป็นคนเหลิงในอำนาจ ผิดแล้วผิดอีกไม่คิดแก้ไข และ Dennehy ก็ยังสามารถทำให้ตัวละครตัวนี้ร้ายแบบเป็นไปได้ด้วย ไม่ได้โอเว่อร์แต่อย่างใด
กับอีกคนก็ Richard Crenna ในบทผู้พันแซมมวล ทรอทแมน อดีตหัวหน้าของแรมโบ้ที่ถูกตามมากู้สถานการณ์ในครั้งนี้ แม้รายนี้จะนิ่งๆ เหมือนไม่ค่อยทำอะไร แต่ก็มาพร้อมบารมีและเสริมความน่าสนใจให้กับแรมโบ้ได้เป็นพักๆ ไหนจะบทพูดที่จัดว่าพูดไม่เยอะ แต่มีประเด็น และเมื่อเขาได้เผชิญกับแรมโบ้ เขาก็สื่อสารอารมณ์ได้ดีครับ
ส่วนพระเอกของเรื่อง พี่สไลนั้นในเรื่องก็เหมาะกับบทคนโดนกดขี่ดีล่ะครับ เป็นคนจนตรอกไร้ทางออกเลยต้องสู้ ฉากที่พี่แกระเบิดอารมณ์ท้ายเรื่องออกมานั้นค่อนข้างสะเทือนใจเอาการเลยครับ น่าสงสารอยู่ มันเป็นการบอกคนดูตรงๆ เลยว่าคนที่ไปรบเวียดนามบางคนนั้นไม่ได้อยากไปเลยแม้แต่น้อย ครั้นพอกลับมาประสบการณ์อันเลวร้ายที่เวียดนามก็ยังตามมาหลอกหลอน บางคนกลับมาแล้วเจอการปฏิบัติจากคนในชาติเดียวกันที่มองพวกเขาเหมือนนักฆ่ารับจ้าง เหมือนคนไร้ค่าในสังคม ไหนจะการดูถูกเหยียดหยาม ฯลฯ – ลองว่าเจอแบบนั้น ก็ไม่แปลกที่บางคนจะบ้าครับ
มาถึงเกร็ดของหนังนะครับ หนังสร้างจากนิยายของ David Morrell ซึ่งนักอ่านบ้านเราอาจเคยคุ้นชื่อมาบ้างนะครับ งานของแกที่เคยมีเข้ามาก็อย่าง The Fifth Profession โดยเรื่องนี้ก็สร้างจากนิยาย First Blood ชื่อเดียวกับหนังนะครับ และว่ากันว่าชื่อตัวละครแรมโบ้นั้น Morrell เอามาจากชื่อยี่ห้อของผลไม้อย่างแอปเปิ้ลน่ะครับ
แรกเริ่มเดิมทีนั้น First Blood ก็โดนค่าย Warner Bros. เล็งๆ ว่าจะสร้างอยู่เหมือนกันครับ โดยมีตัวเลือกคนที่จะมาเล่นเป็นแรมโบ้อย่าง Clint Eastwood, Steve McQueen แล้วก็ Al Pacino แต่รายที่ดูเหมือนจะเกือบได้เล่นจริงๆ กลับเป็น Dustin Hoffman (Rain Man) เพราะผู้กำกับ Mike Nichols ก็สนใจจะทำหนังเรื่องนี้ครับ และต้องการให้ Hoffman มาเล่น แต่ Hoffman ก็ปฏิเสธไปเพราะเขาเห็นว่าหนังเรื่องนี้มันมีความรุนแรงเยอะไปหน่อย (จะว่าไปก็ไม่หน่อยครับ ผมว่าทะลักเลยล่ะ) จากนั้นผู้กำกับ Nichols ก็เลยโบกมืออำลาไปอีกราย
จากนั้นทีมผู้สร้างอย่าง Mario Kassar กับ Andrew G. Vajna สองเจ้าบุญทุ่มแห่ง Carolco ก็ได้สิทธิ์หนังเรื่องนี้ไป แล้วก็ทาบทาม John Travolta มาเล่น แต่พี่แกไม่เอาด้วย สุดท้ายก็อย่างที่รู้ครับ พี่สไลแกก็เข้ามารับไปเต็มๆ แต่พี่แกก็มีการต่อรองค่าตัวครับ ว่าถ้าจะให้เล่นต้องจ่ายมาเหนาะๆ $3.5 ล้าน ท่านสองผู้สร้างของเราก็เลยเจรจาขอลดหย่อน เป็นซักสองล้านแล้วกัน แล้วจะให้อีกห้าแสนตอนขายลิขสิทธิ์ฉายทางทีวี แล้วทุกอย่างก็เป็นอันตกลง
ส่วนบทผู้พันทรอทแมนนั้น ตอนแรกผู้ที่จะมาแสดงก็คือ Kirk Douglas (Paths of Glory และ Spartacus) ครับ กำลังจะถ่ายทำอยู่แล้ว แต่ปู่แกก็มาถอนตัวไปซะก่อน อันเนื่องมาจากตอนจบของหนังครับ
คืออย่างนี้ครับ ตามบทดั้งเดิมนั้น แรมโบ้จะต้องตายครับ ซึ่งก็คือจะให้แรมโบ้จบชีวิตตัวเองด้วยการฆ่าตัวตาย แต่ทีนี้ปรากฏว่าทีมงานอยากให้หนังจบแบบแรมโบ้ไม่ตายมากกว่า ซึ่งนั่นทำให้ Douglas ไม่พอใจอย่างแรง จนถึงขั้นประกาศว่าถ้าไม่ปรับบทให้แรมโบ้ตาย เขาก็จะไม่เล่น
สุดท้ายพอทีมงานไม่ยอมเปลี่ยนบท ยังยืนกรานจะให้แรมโบ้มีชีวิตต่อ Douglas เลยอำลาจากโปรเจคท์ 1 วันก่อนเริ่มถ่ายทำ แล้วทีนี้ทีมงานก็ยุ่งกันใหญ่ ต้องมานั่งควานหาคนมาเล่นแทนและต้องหาอย่างเร็วด้วย เพราะเวลาในการถ่ายทำมีจำกัด เนื่องจากพี่สไลแกต้องไปถ่ายหนัง Rocky III ต่ออีก แล้วสุดท้ายบทก็มาลงที่ Richard Crenna ครับ ได้มาเล่นในนาทีสุดท้ายพอดีเลย
และแม้บทจะตั้งใจให้แรมโบไม่ตาย แต่ก็มีการถ่ายเวอร์ชั่นแรมโบ้ตายเอาไว้ด้วยครับ จากนั้นก็ลองเอาเวอร์ชั่นนั้นมาฉายทดสอบปรากฏว่าคนดูไม่ชอบอย่างแรง ดูแล้วซึมไปเป็นแถบ ทีมผู้สร้างเลยตระหนักได้ทันทีว่าการให้แรมโบ้มีชีวิตอยู่ต่อนั้น คือความคิดที่ถูกแล้ว เพราะพอเห็นปฏิกิริยาคนดูอินกับตัวละครแรมโบ้ ก็แสดงว่าหนังออกมาดีและแรมโบ้ก็ต้องเป็นตัวละครที่คนดูเห็นใจแน่ๆ อีกทั้งมันยังเหมาะอย่างยิ่งในการจะทำภาคต่อ
และก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกด้วย เพราะภาคต่อจากนี้ โคตรจะดังแบบสุดๆ
แต่ความวุ่นวายไม่ได้มีแค่นั้นครับ เพราะพอถ่ายทำเสร็จแทนที่จะได้ฉลองปิดกล้อง แต่พี่สไลนี่แหละเป็นคนแรกที่ออกมาอาละวาด เพราะเขาเห็นว่าฉบับแรกที่ตัดต่อออกมานั้นไม่เข้าท่าอย่างมาก – ว่ากันว่าฉบับนั้นยาว 3 ชั่วโมงกว่าๆ เห็นจะได้ – พี่สไลถึงขนาดยินดีควักเงินซื้อหนังฉบับนั้นมาเพื่อทำลายทิ้งน่ะครับ ประมาณว่ายอมทำลายหนังเสียเอง ดีกว่าปล่อยให้หนังเรื่องนี้มาทำลายอนาคตของอาชีพนักแสดงของเขา คิดไปขนาดนั้นเลย
แต่ก็แน่ล่ะครับ ทำออกมาแล้วใครเขาจะบ้าให้ทำลายล่ะ สุดท้ายพี่สไลแกเลยเปิดการเจรจาให้ผู้กำกับลดฉากที่มีบทของเขาลง แล้วให้ตัวละครอื่นเป็นตัวเล่าเรื่องไปแทน ตัดไปตัดมาความยาวของหนังก็ลดลงเหลือ 93 นาที
และผลที่ได้ออกมาก็ดีเกินคาดครับ มันคือฉบับที่เราได้ดูนั่นแหละ และกลายเป็นว่าการเล่าเรื่องโดยให้ตัวเอกมีเวลาบนจอน้อยกว่าตัวละครอื่น ก็กลายมาเป็นอีกหนึ่งมาตรฐานใหม่ของหนังแอ๊คชั่นที่ยุคต่อๆ มาก็มีคนมากมายพากันเดินตาม
ประมาณว่าสมัยก่อนหนังแอ๊คชั่นเขามักจะเน้นที่ตัวเอกครับ เอะอะก็ต้องถ่ายพระเอกให้มากไว้ก่อน ส่วนตัวอื่นก็เป็นของประกอบฉากไป แต่ก็มีพี่สไลนี่แหละที่คิดแนวทางนี้ขึ้นมา ซึ่งก็ยอมรับล่ะครับว่าแกมีหัวทางนี้จริงๆ
และผลที่ได้ออกมาก็นับว่าเยี่ยมครับ หนังสนุกและมันส์ มีลุ้นและตื่นเต้นครบถ้วน มีฉากในป่าที่โดดเด่นและกดดันดีมาก ผมชอบฉากที่แรมโบ้ต้องเข้าไปซ่อนในถ้ำแล้วก็ต้องมุดตัวไปตามลำธารใต้ถ้ำน่ะครับ บรรยากาศมันสมจริงมากๆ
อีกอย่างที่ผมชอบคือโลเคชั่นในการถ่ายทำครับ เมืองที่แรมโบ้ไปก็ดูเป็นเมืองเล็กๆ แวดล้อมด้วยธรรมชาติ ก็ดูสวยดี ส่วนดนตรีของ Jerry Goldsmith ก็น่าจดจำ และที่ลืมไม่ได้คือเพลง It’s a Long Road ที่ใช้ตอนปิดเรื่อง เนื้อเพลงมันสะท้อนความอ้างว้างโดดเดี่ยวของชีวิตคนบางคนได้ดีจริงๆ
แล้วหนังก็โกยเงินในอเมริกาไปราวๆ $47 ล้าน หรือถ้าเป็นรายได้ทั่วโลกก็มากถึง $125 ล้าน (ลงทุนไป 15 ล้านครับ) ก็เรียกได้ว่าทำเงินดีครับ ทำให้สองเจ้าบุญทุ่มแห่ง Carolco ตัดสินใจทำภาคต่ออย่างไม่ยากเย็น
สรุปว่านี่เป็นหนังแอคชั่นที่มันส์ดีครับ เข้มข้นที่เนื้อเรื่องด้วย ไมได้เน้นที่ยิงกันนะครับ แต่เน้นตรงไหวพริบและฉากการฆ่าที่โหดมากพอดู ผมว่าคอหนังแอคชั่นสไตล์ทหารซุ่มโจมตี ต้องชอบหนังเรื่องนี้ครับ
สามดาวครับ
(8/10)