
หนังเรื่องนี้เป็นแนวชีวิต + การแต่งงานครับ และหนังเรื่องนี้ก็ไม่ใช่หนังโรแมนติกทั่วๆ ไป… บางท่านคงงงล่ะนะครับ หนังเกี่ยวกับการแต่งงานแต่ดันไม่ใช่โรแมนติก มันเป็นยังไง? ลองตามมาอ่านนะครับ
เรื่องของมิวเรียล เฮสล็อบ (Toni Collette) สาวร่างท้วมที่ไม่มีหนุ่มๆ คนไหนมอง และพ่อของเธอก็ยังคอยถากถางเธออยู่ประจำว่าเธอจะไม่ได้แต่งงานหรอก เธอจึงหาทางเริ่มชีวิตใหม่ โดยเดินทางไปพร้อมเพื่อนเก่านิสัยซ่าส์อย่าง รอนด้า (Rachel Griffiths) จุดประสงค์ของเธอก็คือ การหาคู่ชีวิตมาแต่งงาน มาร่วมเรียงเคียงหมอน มาสร้างครอบครัว แต่แล้วเธอก็พบว่า การแต่งงานที่รอคอยนั้น ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิตหรอก มันยังมีอะไรอีกเยอะในชีวิตเนี้ย
มันจะเป็นไงต่อ ก็ต้องขอให้ตามไปดูกันล่ะครับ แต่ผมเชื่อว่าคงไม่ผิดหวังแน่ๆ ในฐานะหนังคุณภาพซึ่งกวาดรางวัล AFI (รางวัลหนังของออสเตรเลียเขาน่ะครับ) ทั้ง ดารานำหญิงยอดเยี่ยม (Collette), สมทบหญิง (Griffiths) และกวาดรางวัลหนังยอดเยี่ยมไปด้วย จึงบอกได้เลยครับว่าหนังเรื่องนี้มีดีไม่ธรรมดา
อย่างที่บอกครับว่า มันเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานและชีวิต แต่มันไม่โรแมนติกอะไรนักหรอกนะครับ แม้เนื้อหามันจะเป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งตามหาความรักก็ตาม แต่มันจะกลายเป็นแง่ของชีวิตมากกว่าครับ เป็นการมองเรื่องการแต่งงานในอีกแง่มุมหนึ่งซึ่งต้องขอบอกว่าน่าสนใจและน่าคิดเอามากๆ
มิวเรียลนางเอกของเรื่องนั้น มุ่งแต่จะแต่งงานครับ เธอมีความเชื่อเหลือเกินว่า การแต่งงานจะนำความสุขอันสูงสุดมาให้เธอ เป็นทุกอย่างที่เธอรอคอย อีกทั้งพ่อเธอและสังคมยังตอกย้ำอยู่นั่นแหละ ว่าผู้หญิงต้องแต่งงาน มีครอบครัว ไม่งั้นจะกลายเป็นที่ครหา ไม่งั้นจะไม่มีความุสข ความเชื่อแบบนี้ฝังหัวเธอมาตลอด
จนในที่สุด เธอก็กระเสือกกระสนหาคนมาแต่งงาน จนไปๆ มาๆ เธอไม่สนเรื่องความรักเลยครับ จะรักไม่รักไม่รู้ล่ะ แต่ฉันต้องแต่งงานให้ได้ เพราะเชื่อว่าการแต่งงานคือความสำเร็จและเป็นความภาคภูมิใจสำหรับตนเอง และพ่อเธอจะได้เลิกบ่นเลิกบ้าซะที
แล้วพอเธอได้แต่งงานจริงๆ ผลมันก็ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเลยครับ ซึ่งตรงนี้นี่เองที่มันทำให้เธอเริ่มมองแง่มุมเกี่ยวกับการแต่งงานในมุมใหม่ ซึ่งตรงกันข้ามกับที่ฝังหัวเธอมาแต่แรก
หนังทำให้คนดูรู้สึกได้ครับ ว่าการแต่งงานไม่ใช่ทุกอย่าง และไม่ได้เป็นจุดปลายทางแห่งความสำเร็จ เพราะมันยังมีอะไรอีกมากมายเหลือเกินที่ท่านต้องทำหลังแต่งงาน มันเพิ่งเริ่มเท่านั้น ไหนจะต้องสร้างครอบครัว ไหนจะต้องถนอมความรักอีกล่ะ ใครที่คิดว่าแต่งงานปุ๊บสบายปั๊บล่ะท่านคิดผิดซะแล้วล่ะครับ นี่ผมไม่ได้จะบอกว่าแต่งงานแล้วจะต้องลำบากอย่างเดียวนะครับ เพียงแต่อยากให้อย่าคาดหวังว่ามันจะต้องสุขเพียงอย่างเดียว เราต้องเปิดใจรอและพร้อมรับกับความทุกข์ที่อาจจะโถมเข้ามา ไม่ว่าจะโถมเข้าตัวเราหรือเข้าคู่ชีวิตเราก็เถอะ ยังไงเราก็ต้องร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน
ตอนอยู่คนเดียวเราก็รับผิดชอบตัวเอง แต่พอแต่งงานปั๊บ ชีวิตเราจะมีการบวกหนึ่งขึ้นมาทันทีครับ จากเขา หรือเธอ ก็กลายเป็นเราสองไปเรียบร้อย ความรับผิดชอบและอะไรๆ เลยต้องมีมากขึ้นไม่น้อยเหมือนกัน
นั่นหมายถึงกรณีที่รักกันนะครับ มันก็ยังมีทั้งสุขและทุกข์ แล้วลองคิดดูละกันถ้าแต่งงานในกรณีที่ไม่ได้รักกันเลยล่ะ มันจะเป็นอย่างไรได้บ้าง?
ทีนี้ ผมอยากจะพูดถึงเรื่องในหนังนะครับ แต่มันอาจจะเผยซึ่งเนื้อหา หากท่านไม่อยากทราบก็ข้ามไปได้เลยแล้วกันนะครับผม
===============================

มีอยู่จุดหนึ่งที่ผมชอบมากในหนังครับ ก็ต้องเล่านิดนึงว่า มิวเรียลเธอพยายามจะแต่งงานให้ได้อย่างที่บอกไป เธอเลยทำทุกวิธีทางที่จะหาผู้ชายมาเป็นคู่ชีวิต ซึ่งที่ต่างประเทศมันก็มีครับ พวกที่จนด้วยเกล้า ไม่รู้จะหาคู่ทีไ่หนก็จะมีสมาคมหรืออะไรทำการจัดหาให้ บางครั้งก็มีการแต่งงานเพื่อกรีนการ์ดหรืออะไรก็ตาม แล้วในที่สุดมิวเรียลเธอก็ใช้วิธีแบบนี้ จนสามารถหาหนุ่มมาแต่งงานสำเร็จ
แน่นอนครับ ไอ้หนุ่มนั่นไม่ได้รักหรือชอบเธอเลย เพราะเธอออกแนวอ้วนน่ะครับ หุ่นไม่ได้พิมพ์นิยมสำหรับผู้ชาย เจ้าหนุ่มนั่นต้องแต่งด้วยความจำเป็นน่ะครับ แล้วสุดท้ายอยู่ๆ ไปก็ไม่รอด จนทั้งสองคิดแยกทางกัน
จุดที่ผมชอบอยู่ตรงนี้นี่แหละครับ ก็พอทั้งสองคิดจะแยกทางกัน เลยมีการพูดเปิดใจทำอะไรแบบตรงไป ตรงมาซึ่งกันและกัน เป็นตัวของตัวเอง ไม่มีการเสแสร้งอะไรอีกต่อไป จนไปๆ มาๆ ไอ้หนุ่มที่เป็นคุณสามีของมิวเรียลก็เปิดปากออกมาเองเลยว่า “อืมม์ เธอนี่ก็น่ารักเหมือนกันนะ” กล่าวคือจากที่ไม่ชอบๆ ที่มองเธอเป็นสาวอ้วนน่าเบื่อ เขาก็กลายเป็นเริ่มชอบเธอที่จิตใจขึ้นมาแล้วล่ะสิ เริ่มมองเธอมีความน่ารักและสวยงามขึ้นมาแล้วล่ะสิ
และที่อึ้งคือ ตอนผมดูเนี่ย ผมดันรู้สึกไม่ต่างจากไอ้หนุ่มนั่นเท่าไหร่ครับ คือฉากที่ว่านี่เจ๊มิวเรียลเธอดูดีขึ้นมาจริงๆ คือ อ้วนก็ยังอ้วนอยู่น่ะครับ หน้ายังบานอยู่ แต่ท่าทางเธอดันกลายเป็นน่ารักขึ้นมาจริงๆ อ้ะ เออ อันนี้ผมทึ่งมากเลยนะฮะ คือหนังสามารถจัดฉาก จัดแสง ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาอีท่าไหนถึงสามารถทำให้คนดูรู้สึกได้อย่างที่ไอ้หนุ่มนั่นรู้สึก (คือรู้สึกว่ามิวเรียลน่ารักน่าทะนุถนอมน่ะครับ) เออ ทำได้ไงครับ นี่คือผมทึ่งเลย ยกนิ้วให้จริงๆ
ก็นี่แหละครับ ฉากนี้แหละ ประทับใจและอึ้งสุดๆ จริงๆ
============================
ก็อยากจะบอกว่าหนังทำได้ดีครับ ง่ายๆ แต่น่าติดตาม และถ้าคิดตามผมรับประกันว่าคุณๆ จะต้องได้รับอะไรไปจากหนังเรื่องนี้แน่นอน ทั้งแง่มุมเกี่ยวกับชีวิต สังคม การแต่งงาน และค่านิยมที่บางครั้งก็กดผู้หญิงอย่างน่าเศร้า เอาเป็นว่าผมอยากให้คุณผู้หญิงดูหนังเรื่องนี้กันครับ โดยเฉพาะคนที่คิดว่าตัวเองไม่สวยน่ะ ดูเลยครับ แล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตนี้นอกจากเรื่องความรักแล้วมีอะไรอีกมากมายนัก
นักแสดงเล่นได้อย่างไร้ที่ติครับ โดยเฉพาะ Collette ที่ลงทุนเพิ่มน้ำหนักตัวเองถึง 40 ปอนด์ ยอมอ้วนน่ะครับ แล้วเล่นได้เฉียบขาดมากอีกด้วย ต้องยกนิ้วให้จริงๆ โดยเฉพาะฉากที่ผมบอกนั่นแหละ เธอดูน่ารักน่ากอดน่าทะนุถนอมขึ้นมาอย่างชัดมากจริงๆ
ผู้กำกับหนังเรื่องนี้คือ P.J. Hogan ครับ นี่เป็นหนังที่สร้างชื่อให้กับเขาอย่างมาก จนทางฮอลลีวู้ดตามเขาไปกำกับหนังดังๆ อย่าง My Best Friend’s Wedding ในเวลาต่อมา แล้วฝีมือเขาก็ยังคงเฉียบคมตามเคยเช่นกัน
หนังดีอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด
เฉียดสามดาวครับ

(7.5/10)
หมวดหมู่:Comedy, Drama, Movie Reviews, Recommended Movies, Romance, Romance Romance










