
พระ-นางคู่เดิม (Tom Hanks และ Meg Ryan) และผู้กำกับคนเดิม (Nora Ephron) จาก Sleepless in Seattle กลับมาสร้างความประทับใจอีกเป็นคำรบสอง เพราะมีแฟนๆ บ่นมาครับ ว่าแม้ Sleepless จะทำได้ดี แต่พระนางคู่นี้กว่าจะได้เจอหน้าก็ปาเข้าไปช่วงจะจบแล้วนั่นน่ะ
ดังนั้นเรื่องนี้เลยสร้างเพื่อให้ Hanks และ Ryan มาเจอกันแบบเต็มๆ
แคธลีน เคลลี่ (Meg Ryan) กับ โจ ฟ็อกซ์ (Tom Hanks) ได้ติดต่อคุยกันทางเมลล์ในเน็ท แต่ทั้งสองไม่รู้นะครับ ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ชื่ออะไร เป็นการติดต่อแบบไม่ถามชื่อแบบคนเล่นเน็ตในยุคแรกๆ ซึ่งความจริงแล้วแคธลีน คือ เจ้าของร้านขายหนังสือเล็กๆ ที่ชื่อว่า The Shop Around The Corner ส่วน โจ คือ เจ้าของร้านหนังสือรายใหญ่ที่กำลังจะทำให้ร้านของแคธลีนเจ๊ง
แน่ล่ะครับสองคนนี้เจอหน้ากันตลอด แต่ก็กัดกันตลอดเหมือนกัน เอาล่ะสิครับ แล้วมันจะลงเอยกันหรือเนี่ย ต้องดูกันต่อไปล่ะครับผม
เรื่องของบรรยากาศความประทับใจนั้น เรื่องนี้ออกจะน้อยกว่า Sleepless เล็กน้อยนะฮะ แม้จะยังอบอุ่นและบรรยากาศดีอยู่ แต่ก็ไม่ได้อบอุ่นขนาดนั้นอีกแล้ว ทว่าหนังจะมาเน้นฮาครับ มีมุกเป็นตันยิงกันกระจายในหนังเรื่องนี้ ถ้าเก๊ทน่ะนะครับ อย่างเรื่องความแตกต่างของผู้หญิงกับผู้ชายในอเมริกา เช่น ผู้ชายมะกันแทบทุกคนต้องเคยอ่านนิยาย The Godfather กันมาแล้วทั้งนั้น ส่วนผู้หญิงก็ไม่เข้าใจว่าผู้ชายจะบ้านิยายเรื่องนี้ไปทำไม ในขณะที่ผู้หญิงเองก็มีนิยายรักกินใจอย่างงานของ Jane Austen อย่าง Pride and Prejudice แต่พอผู้ชายมาอ่านได้ไม่กี่หน้า ก็แทบจะอยากวาง อะไรทำนองนี้หนังเอามาใช้เป็นมุกขำขันได้อย่างสนุกทีเดียว
แล้วครั้งนี้ทั้ง Hanks และ Ryan ต่างก็ฉายเสน่ห์แบบคู่กัดกันตลอดทั้งเรื่อง น่ารักมากเลยครับ อย่างตอนที่โจกวาดไข่ปลาคาร์เวียร์ไปจนหมดจาน (ในงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์) แล้วแคธลีนก็ตั้งหน้าตั้งตาด่าไปชุดใหญ่หาว่าไร้น้ำใจอะไรเทือกนั้น แค่ฉากนั้นก็สื่อถึงตัวตนของทั้ง 2 ได้แล้วล่ะครับ
ผมว่าหนังสนุกนะครับ เน้นฮาและยังโรแมนติกในระดับหนึ่ง น่าประทับใจไม่น้อย หนังไม่ได้หวานจนเลี่ยน แค่ดู 2 ดารานำกัดกันผมก็ว่าคุ้มแล้วนะครับ ทั้งฮาและน่ารักจริงๆ ส่วนพวกดาราสมทบก็น่ารักตามเคย Nora Ephron ไม่ทำให้ผิดหวังครับ (และไม่ทำให้ผู้สร้างผิดหวังด้วยครับ เพราะโกยเป็นร้อยล้านอีกแล้ว) แม้จะไม่อบอุ่นเท่า Sleepless แต่หนังก็ทำได้ดีในทางของมันครับ เน้นฮาเน้นน่ารัก แล้วหนังยังมีแง่มุมสาระดีๆ ไม่น้อยเลยนะครับ ที่ผมชอบมากคือฉากที่แคธลีนเธอกำลังจะปิดร้านแล้วก็มองเข้าไปในร้านนึกถึงภาพอดีตที่มีความสุข เป็นฉากง่ายๆ เลยครับ ที่บอกว่าร้านหนังสือนี้ไม่ใช่แค่ร้านในเชิงการค้าสำหรับเธอ แต่มันเป็นอะไรที่มีความหมายกว่านั้น

ไม่รู้สิครับ ผมว่าคนที่ทำธุรกิจหรือการค้าที่เปิดด้วยความรักในเรื่องนั้นจริงๆ มันจะมีอะไรมากกว่าสินค้าครับ มันจะมีเรื่องของจิตใจ มีความผูกพันและความรักผสมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะคนที่เปิดร้านหนังสือด้วยความรักจริงๆ หรือคนที่ทำอาหารด้วยความรักจริงๆ อะไรอย่างเนี้ย คือโอเครับส่วนหนึ่งของทำเพื่อเลี้ยงชีพ แต่ผมว่าลึกๆ แล้วมันต้องมีอะไรมากกว่านั้น เช่นคนขายอาหารด้วยความรักเป็นต้น เขาจะไม่ใช่แค่สักแต่ทำๆๆ แต่ระหว่างที่เขาทำนั้นมันจะมีความตั้งใจใส่ลงไปด้วย หรืออย่างร้านกาแฟก็ได้ครับ เราเห็นแค่ชงๆๆ ใส่เครื่องปั่นๆ แล้วเสร็จออกมา 1 แก้ว แต่ผมว่าถ้าคนทำนั้นทำด้วยความรักจริงๆ กาแฟแก้วนั้นจะต้องมีความหมายมากกว่า กาแฟ 1 แก้วแน่ๆ ครับ
ลองดูฮะ ผมเชื่อว่าอะไรแบบนี้เราจะสัมผัสได้ หากเราสังเกตจริงๆ น่ะครับ ว่างๆ ลองดูสิฮะ ตอนไปกินกาแฟตามร้านก็ได้ ลองสังเกตตอนพนักงานเขาทำดู ผมว่าคนที่รักในงานนั้นกับคนที่ทำเพราะมันเป็นอาชีพน่ะต้องมีอะไรบ่งบอกอยู่
ฉากเจ๋งๆ อีกอันที่ผมชอบมากคือตอนที่ร้านของแคธลีนเริ่มย่ำแย่ลง เธอเลยลองเข้าไปในร้านหนังสือของฟ็อกซ์ดู แล้วเธอก็พบว่าการจัดวางหนังสือเป็นไปอย่างลวกๆ และพนักงานไม่ได้มีความรู้เรื่องหนังสือเลยแม้แต่น้อย จนไปๆ มาๆ เธอเลยร่ายเองเลยครับว่าหนังสือเล่มนี้ ใครเขียน พิมพ์เมื่อไหร่ มีกี่เวอร์ชั่น
เฮ่อ ผมคิดถึงร้านวีดีโอแบบนี้จังเลยครับ เมื่อก่อนมีนะครับ แถวบ้านผมมีอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้วครับ เมื่อก่อนมีร้านที่คนเปิดรู้จริงรู้ลึกนั่งคุยกัน แต่สุดท้ายก็ล่มสลายไป… เฮ่อ ไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ ในโลกนี้
การมาดูรอบหลังของผมนี่ผมรู้สึกชอบมากขึ้นนะ ฉากที่เตะตาแตะความรู้สึกขึ้นมากๆ คือตอนที่แคธลีนนัดเจอกับชายทางอินเตอร์เน็ต (ก็โจนั่นแหละ เพียงแต่เธอยังไม่รู้) ตอนเธอนั่งรอในร้านแล้วจัดของบนโต๊ะแบบเงอะๆ งะๆ แววตาท่าทางเธอมันสื่อชัดเหลือเกินครับว่าเธอตื่นเต้นมากแค่ไหน และใครคนนั้นมีความหมายต่อเธอมากแค่ไหน
แล้วไหนจะฉากถัดจากนั้น หลังจากที่เธอเจอโจ (โดยที่ไม่รู้ว่าเขาคือคนที่เธอรอ) แล้วเธอก็พูดฟาดงวงฟาดงาใส่เขา จนโจตัดสินใจลุกออกไป แววตาเธอตอนที่เขาลุกไปก็อีกแล้วครับ มันสือถึงอารมณ์ที่สับสนของเธอได้ดีจริงๆ ยอมรับเลยว่า Ryan เธอแสดงได้ดีมากจริงๆ
อีกฉากที่สมัยตอนดูรอบแรกก็รู้สึกในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เยอะ ครั้นพอดูรอบหลังหลังเวลาผ่านไป 20 กว่าปี ความรู้สึกที่มีต่อฉากนั้นมันก็ลึกขึ้น ก็คือฉากที่แคธลีนต้องปิดร้านของเธอลง ในรอบล่าสุดที่ดูนั้นมันเข้าใจความรู้สึกของเธอเลยน่ะครับ อาจเพราะผมผ่านชีวิตมาระดับหนึ่ง ผ่านการลาจาก ผ่านการสูญเสียทั้งสิ่งของและคนในชีวิต รวมถึงผ่านการปิดบ้านหลังหนึ่งเพื่อไปอยู่ที่อื่น หรือปิดร้านของตัวเองเพื่อไปทำอย่างอื่น ฉากนี้ยอมรับว่าทำให้รู้สึกอินได้ไม่น้อยทีเดียว
ยามที่คุณต้องปิด ฝัง หรือโบกมืออำลาอะไรสักอย่างเป็นครั้งสุดท้ายนั้น มันเปี่ยมทั้งความหมายและความรู้สึกครับ และยิ่งคุณผ่านเรื่องพวกนี้มากเท่าไร มันก็ยิ่งทำให้ตระหนักว่า สักวันเราก็ต้องโบกมืออำลาโลกใบนี้เช่นกัน…
หนังเรื่องนี้มีอะไรเยอะครับ ไม่ใช่แค่รักหนุ่มสาวเท่านั้น มันยังมีเรื่องความรักให้แก่กัน ความรักต่อบางสิ่งบางอย่าง เช่นรักในหนังสืออะไรทำนองนี้น่ะครับ มีแง่มุมเรื่องความรักหลายอันอยู่เหมือนกัน
หนังก็ประสบความสำเร็จเช่นเคยครับ ทำเงินทั่วโลกไป $250 ล้าน จากทุนราว $65 ล้าน
ดูได้เลยครับ ไม่ผิดหวังแน่ๆ
สองดาวครึ่งตามเคยครับ

(7/10)
หมวดหมู่:Comedy, Movie Reviews, Recommended Movies, Romance, Romance Romance, Romantic Comedy










