Action

The Fugitive (1993) เดอะ ฟูจิทิฟ ขึ้นทำเนียบจับตาย

fugitive

จากซีรี่ส์สุดฮิตในช่วงปี 1963 – 1967 มาสู่จอใหญ่กับเรื่องราวที่ยังคงความเยี่ยม Harrison Ford รับบท ดร. ริชาร์ด คิมเบิ้ล คุณหมอผู้ถูกกล่าวหาว่าฆาตกรรมภรรยาตัวเอง แต่เขาไม่ได้ทำครับ เขาจึงต้องหลบหนีไปพร้อมๆ กับสืบหาความจริง และระหว่างการหลบหนีเขาก็โดนตามล่าจาก แซมมวล เจอราร์ด (Tommy Lee Jones กับบทที่ทำให้เขาคว้าออสการ์ไป) ผู้ตรวจการสหรัฐที่ไม่เคยอ่อนข้อให้นักโทษ เราก็มาลุ้นกันล่ะครับว่าหมอคิมเบิ้ลจะสามารถสืบหาฆาตกรตัวจริงได้หรือไม่

ตัวหนังสามารถสร้างความน่าติดตามได้ตลอด 2 ชั่วโมงกว่าๆ พร้อมเหตุการณ์ชวนลุ้นมากมาย ไม่ว่าจะการหนีจากขบวนรถไฟ การโดดจากปากท่อระบายน้ำซึ่งสูงประมาณตึก 10 ชั้น การไล่ล่าในอาคารเรื่อยมาจนถึงกลางงานพาเหรดวันเซนต์แพทริค ซึ่งต้องบอกเลยครับว่าแต่ละฉากทำออกมาได้อย่างเยี่ยม ทั้งลุ้นและฝีมือดาราก็เฉือนกันตลอด รวมไปถึงดนตรีสุดระทึกของ James Newton Howard ที่ทำให้หนังครึ้มๆ ได้ทั้งเรื่อง ไม่ถึงกับเครียดนะครับ แค่ครึ้มๆ หนังเลยไม่เครียดจนเกินไป กำลังดี

ดารานำทั้ง Ford และ Jones ก็ไม่มีใครกินกันลงเลยครับ เล่นได้ดีทั้งคู่ ยิ่งเวลาต้องเข้าฉากกันนี่ก็เต็มฟัดกันล่ะครับ ต้องขอใช้คำว่าถึงอารมณ์ทุกฉาก ยิ่งฉากที่เจอราร์ดยิงปืนใส่คิมเบิ้ล แต่โชคดีที่ประตูกระจกตรงหน้าคิมเบิ้ลปิดพอดี เขาเลยรอด สีหน้าพี่แกสองคนตอนนั้นอัครมหาได้อารมณ์ครับ หมอคิมเบิ้ลสีหน้าจะประมาณ กลัว + ยังไม่ตายหรือนี่เรา (มีตัวสั่นด้วยครับ) ส่วนหน้าพี่เจอราร์ดนี่ประมาณว่า “ปัดโธ่เว้ย” ทั้งขบกราม ทั้งบิดหน้า โอ้พระเจ้า 2 คนนี้เล่นดีเกินไปแล้วครับ

ยังครับ ยังไม่หมด ดาราดีๆ ที่เป็นสีสันให้หนังยังมีอีก เริ่มจาก Jeroen Krabbe (ตัวร้ายหนังบอนด์ตอน The Living Daylights) มาแสดงเป็น ดร. ชาร์ลส นิโคล เพื่อนสนิทของริชาร์ดที่เล่นได้เฉียบมากๆ ครับ ยิ่งตอนที่เจอราร์ดไปสอบปากคำเขาว่าเขาได้เจอกับคิมเบิ้ลบางมั้ย ท่าทางตอนนั้นกวนโทสะเจอราร์ดได้ดีจริงๆ และอีกคนที่ขโมยซีนได้ดีก็คือ Joe Pantoliano ในบทคอสโม เรนโฟร ผู้ช่วยของเจอราร์ด พี่แกหาเรื่องกวนบาทาได้ตลอดทั้งเรื่องเลยล่ะครับ (ว่ากันว่าบทดั้งเดิมนั้น บทคอสโมนั้นจะต้องตายในตอนท้ายๆ ครับ แต่ Pantoliano ดอดไปเจรจากับผู้สร้างจนในที่สุดผู้สร้างก็ยอมให้คอสโมไม่ตาย ซึ่งก็กลายเป็นผลดีเพราะ Pantoliano ได้กลับมาเล่นเป็นคอสโมอีกหนใน U.S.Marshals)

ในขณะที่ Julianne Moore นั้น ตอนแรกตัวละครของเธอจะมีบทบาทกับเรื่องราวในระดับนางเอกเลยล่ะครับ ประมาณว่าเธอจะมาช่วยคิมเบิ้ลในการตามล่าหาความจริง และคิมเบิ้ลก็จะตกหลุมรักเธอด้วย แต่ในที่สุดบทของเธอก็โดนตัดออกในช่วง Final Cut จนเหลือเท่าที่เห็นครับ ซึ่งจริงๆ ก็ถือเป็นผลดีเพราะนั่นทำให้หนังมีพื้นที่เน้นคิมเบิ้ลกับเจอราร์ดแบบเต็มๆ มากขึ้น

นอกจากนี้บท เนื้อหา การทิ้งปม เป็นไปอย่างน่าติดตามจนเรียกได้ว่านี่เป็นอีกหนึ่งหนังแนวสืบสวนที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของโลกภาพยนตร์ครับ

ผลลัพธ์ก็คือ หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะตัวหนัง รายได้ คำวิจารณ์ รวมไปถึงการได้เข้าชิงออสการ์อีก 7 ตัว ได้ชิงในสาขาหนังยอดเยี่ยมด้วยครับ แต่คว้ามาหนึ่ง คือพี่ Tommy นั่นแหละที่เล่นได้ยอดเยี่ยมจนน่าปรบมือให้ซักสามสี่วันติดๆ กันเลยล่ะ (และผมก็บูชาพี่แกตลอดมาครับ)

รู้มั้ยครับ จริงๆ พี่ Tommy ไม่ได้เป็นตัวเลือกแรกสำหรับบทแซม เจอราร์ดหรอก แต่คนที่ได้ไปก็คือ Jon Voight กับ Gene Hackman แต่ทั้งคู่ก็ไม่เอาครับ บทเลยตกมาเป็นของพี่ Tommy ซึ่งก็ทำให้เขาคว้าออสการ์ไปในที่สุด และพี่ Tommy เองยังแสดงแบบเข้าถึงสุดๆ จนถึงขั้นมีการปรับอะไรบางอย่างในบทให้เข้ากับตัวเขามากขึ้น

ตัวอย่างเช่นบทพูดในท่อระบายน้ำตอนที่คิมเบิ้ลบอกกับเจอราร์ดว่า “I didn’t kill my wife” (ผมไม่ได้ฆ่าเมียผม) ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีบทน่ะเขียนมาให้เจอราร์ดตอบว่า “That isn’t my problem” (นั่นไม่ใช่ปัญหาของผม) แต่พี่ Tommy ขอให้เปลี่ยนเป็น “I don’t care” (ผมไม่สน) แทน ซึ่งประโยคที่ว่านี่ก็กลายเป็นอีกหนึ่งประโยคเด็ดของหนังทีเดียวครับ

The-Fugitive-the-fugitive-20th-anniversary-1993-39709335-1000-1426

นอกจากนี้ผู้กำกับตอนแรกก็ไม่ใช่ Andrew Davis หรอกนะครับ แต่เป็น Walter Hill แต่ผมว่าเป็น Davis น่ะดีกว่า เพราะถ้าพูดถึงความเก๋า แม้ Davis จะสู้ Hill ไม่ได้ แต่ถ้าพูดถึงลูกเล่นล่ะก็ ผมว่า Davis จะพริ้วกว่า และร่วมสมัยกว่า หนังเลยออกมาแบบพอดีๆ ไงครับ ถ้าพี่ Hill มากำกับ ผมว่าหนังมันน่าจะเครียดไปเลยแหละ

ส่วนตัว ดร.ริชาร์ด คิมเบิ้ล ตอนแรกก็ไม่ใช่ Ford นะครับ แต่คนที่ได้บทไปก็คือ Alec Baldwin แต่รู้สึกจะมีปัญหาบางประการ พี่ Alec เลยบอกปัดไป จากนั้นบทก็ตกมาที่ Andy Garcia แต่ก็ไม่เอาอีก บทถึงจะมาอยู่ที่ Ford ซึ่งต้องบอกว่า บทนี้เหมาะกับ Ford มากกว่าใครครับ ถือเป็นโชคดีจริงๆ ที่คนอื่นบอกปัดไป ไม่งั้นหนังอาจไม่ดีขนาดนี้ก็ได้ โดยนอกจากนี้คนที่เคยเข้าชื่อจะมาแสดงในบทนี้ก็มี Michael Keaton, Richard Gere, Jeff Bridges, Michael Douglas และ Al Pacino ครับ

และจะว่าบังเอิญก็ได้ครับ เพราะตอนแรก Alec Baldwin ได้บทไป แต่ดันบอกปัด แล้ว Ford ก็มาแทน เหตุการณ์ดังกล่าวนี่ก็เหมือนตอน Patriot Games เลยครับ ที่พี่ Alec แกเป็นเจ้าของบท แจ๊ค ไรอันแต่แรกแล้ว แต่ก็ดันบอกเลิกไป Ford เลยเข้ามาแทน เออ ก็บังเอิญดีเหมือนกัน (แต่ผมเศร้าแทนพี่ Alec ครับ เพราะแกบอกปัดบทดีๆ ไปทั้งนั้นเลย)

และหากใครที่คุ้นเคยกับคดีปริศนาที่ยังไขไม่ได้ของอเมริกา อาจจะรู้สึกคุ้นๆ นะครับว่าคดีในหนังมันช่างเหมือนกับคดีของหมอแซม เชพเพิร์ด เหลือเกิน (รายนั้นก็ถูกหาว่าฆ่าภรรยาเหมือนกัน) แต่ Roy Huggins ผู้สร้างตั้งแต่สมัยที่เรื่องนี้ยังเป็น Series อยู่นั้น บอกว่าไม่เกี่ยวกันครับ เขาไม่ได้ผูกบทเขียนเรื่องจากคดีที่ว่า แต่เจตนาตั้งต้นของเขาคือ อยากทำให้หนังออกมาสไตล์คาวบอยแบบโมเดิร์น หากลองสังเกตก็จะพบว่า พระเอกของเราต้องตะลอนไปทั่ว จากเมืองหนึ่งไปเมืองหนึ่ง โดยมีผู้รักษากฏหมายคอยไล่ตาม ซึ่งมันก็เป็นสูตรสำเร็จชนิดหนึ่งของหนังคาวบอยเหมือนกัน ดังนั้นหากถามว่าหนังสร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงหรือไม่ ทางคนคิดบนตั้งต้นก็ตอบมาแล้วว่า “เปล่าครับ”

หนังลงทุนราว $44 ล้านครับ ก่อนจะโกยได้จากทั่วโลกที่ $368 ล้าน ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามและมีภาคต่อตามออกมาอีก 1 นั่นก็คือ U.S. Marshals ที่หันมาเน้นให้เจอราร์ดเป็นตัวนำแทน

อย่าพลาดครับ หนังเจ๋งๆ แบบนี้

สามดาวสถานเดียวครับ

Star31

(8/10)