Action

The Sum of All Fears (2002) วิกฤตินิวเคลียร์ถล่มโลก

B00005JL8F.01.LZZZZZZZ

8 ปีครับ … 8 ปี กว่าผมจะได้ดูภาคที่ 4 ของแจ๊ค ไรอัน ก็เรียกว่ารอกันจนเหงือกแห้ง เปลี่ยนเหงือกใหม่ไป 3 รอบกว่าๆ น่ะ ถึงจะได้ดู

สาเหตุ ที่ The Sum of All Fears กว่าจะคลอดออกมาก็ตั้ง 8 ปี ก็เพราะเมื่องวดก่อน จำได้มั้ยครับที่ผมบอกไว้ว่า Tom Clancy แกไม่พอใจเอามากๆ ที่ Patriot Games และ Clear and Present Danger ออกมาแตกต่างจากนิยายของแก จนเป็นสาเหตุให้ Clancy ไม่ยอมขายลิขสิทธิ์นิยายตอนต่อๆ มาของแจ๊ค ไรอันให้ Paramount ซะเลย ประมาณว่าหมั่นไส้น่ะครับ แต่ถึงกระนั้น Paramount ก็ยังคงตามตื้ออยู่หลายปีดีดักจน Clancy ยอมกลับมาจูบปากคืนดีด้วยในที่สุด

อีก สาเหตุหนึ่งก็คือ โครงการจะสร้างหนังจากนิยายของ Clancy ที่บริษัทอื่นๆ มาตอดไว้ ยังไม่ได้เรื่องซะที ช่วงปี 1994 มีข่าวครับว่าจะมีการเอานิยายเรื่อง Without Remorse ไปสร้าง ซึ่งเรื่องนี้จะมีจอห์น คลาร์คเป็นพระเอก และยังมีข่าวอีกว่าคนที่น่าจะรับบทนั้นไปคือพ่อหนุ่ม Keanu Reeves แต่สุดท้ายหนังก็ไม่ได้สร้างแต่อย่างใด พอเป็นเช่นนี้ Clancy เลยเลิกเล่นตัวครับ กลับมาขายนิยายเรื่องนี้ให้ Paramount ในที่สุด

พอ คิดจะสร้าง Par ก็รีบติดต่อทีมงานชุดเดิมจากหนังสองภาคก่อนให้กลับมาร่วมงานกันครับ ตั้งแต่ผู้กำกับ Phillip Noyce และ Harrison Ford แต่แล้วทั้งสองกลับปฏิเสธไปซะดื้อๆ ครับ ซึ่งจนปัจจุบันก็ยังไม่มีใครออกมาให้ความกระจ่างได้ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ยอม กลับมา ต่อจากนั้นก็มีการติดต่อไปที่ผู้กำกับ Wolfgang Petersen (Air Force One, The Perfect Storm และ Troy) แต่พี่ท่านก็ไม่เล่นด้วยอีก สุดท้ายเก้าอี้ผู้กำกับก็ตกเป็นของ Phil Alden Robinson ยอดฝีมืออีกคน ที่ไม่ได้จับงานกำกับหนังใหญ่มาร่วม 10 ปี

ส่วนเรื่องที่ว่าใครจะมา เล่นเป็นแจ๊ค ไรอัน พอ Ford แกไม่ยอมกลับมาเล่น ทีมงานเลยต้องควานหาคนใหม่ตามระเบียบ และคนที่ได้บทไปก็คือ Ben Affleck ซึ่งสาเหตุที่เขาได้บท ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากการแนะนำของ Alec Baldwin ผู้ซึ่งเคยรับบทเป็นแจ๊ค ไรอันคนแรกใน The Hunt For Red October

ตอน นั้นพอดี Baldwin และ Affleck ได้แสดงหนังเรื่อง Pearl Harbor ร่วมกัน และ Baldwin ก็เห็นอะไรบางอย่างในตัว Affleck ว่าช่างมีอะไรหลายอย่างคล้ายคลึงกับเขา เลยแนะนำมายังผู้สร้าง แล้วก็ได้แสดงในที่สุด

และในภาคนี้ แจ๊ค ไรอันถูกลดอายุลงไปครับ เพราะจริงๆ พี่แกต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในซีไอเอไปแล้ว แต่นี่ เผอิญว่า Ford แกเกิดไม่ยอมกลับมา ทีมงานเลยต้องแก้บทให้แจ๊ค ไรอัน กลายเป็นเพียงเจ้าหน้าที่มือใหม่เพื่อให้เหมาะกับ Affleck ดังนั้นถ้าจะบอกว่านี่เป็นภาคก่อนหน้าแบบกลายๆ ก็คงพอได้น่ะครับ

เนื้อหา ภาคนี้ก็เกี่ยวกับการที่มีวายร้ายนีโอนาซีอย่าง เดรสเลอร์ (Alan Bates) ต้องการจะจุดชนวนให้อเมริกากับรัสเซียทำสงครามกัน ทำให้แจ๊คต้องมาสืบหาความจริงทั้งหมด ก่อนที่มันจะเกิดสงครามโลกขึ้นมาจริงๆ

Untitled04406

โดย ส่วนตัว ผมชอบภาคนี้ครับ เพราะมันมีทั้งอารมณ์ขันและระทึกขวัญในระดับที่พอเหมาะ ความน่าติดตามรึก็มากอยู่ ช่วงต้นๆ นี่ก็เรื่อยๆ ครับ แต่โอเค พอมาชั่วโมงนี่ก็ลุ้นกันตัวโก่งล่ะ ว่าสงครามมันจะเกิดหรือเปล่า เพราะทั้งสองฝ่ายมันเตรียมจะยิงกันแล้วน่ะครับ ก็ต้องมาลุ้นว่าแจ๊คจะจัดการอย่างไร และด้วยความท่ภาคนี้แจ๊คไม่ได้มีอำนาจเท่าตอนที่แล้ว ก็เลยทำให้การยับยั้งเรื่องร้ายเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้นครับ เพราะส่วนมากผู้ใหญ่จะไม่ฟังคำพูดของคนชั้นผู้น้อยหรอก เลยทำให้แจ๊คออกจะเหนื่อยมากหน่อยในตอนนี้

Affleck ถือว่าพอไปได้กับบทนี้นะครับ เพียงแต่ยังขาดความสุขุมอยู่ ก็เข้าใจล่ะครับว่าแจ๊ค ไรอันคนนี้ยังมือใหม่ แต่ก็น่าจะดูนิ่งกว่านี้ซักหน่อยน่ะครับ ก็เอาเถอะ พอทำใจได้น่ะ ส่วนดาราคนอื่นนั้นสุดยอดทั้งสิ้นครับ Morgan Freeman รับบทที่ปรึกษาวิลเลี่ยม คาบอท ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้แจ๊คในภาคนี้, James Cromwell มาเป็นประธานาธิบดีฟาวเลอร์ของสหรัฐ แล้วก็ยังมี Bruce McGill, Philip Baker Hall และ Ron Rifkin มาเล่นเป็นพวกรัฐมนตรีรอบกายปธน.อีก ซึ่งแสดงได้โคตรยอด ยิ่งทำให้ช่วงชั่วโมงท้ายของหนังพลอยกดดันตามไปด้วยเลยล่ะ

และที่จัด ว่าแสดงได้ในระดับเฉียบขาด ต้องยกให้ Ciaran Hinds กับบทปธน.นีมีรอฟของรัสเซีย ที่มาดให้และสำเนียงดีมากครับ เพราะจริงๆ แล้วพี่ท่านพูดรัสเซียไม่ไ่ด้เลยนะ แต่พอมาเรื่องนี้ฝึกไม่นานก็พูดได้สำเนียงดีขนาดเนี้ย นับถือเลยเพ่ ส่วนฝีมือก็ต้องชื่นชมครับ โดยเฉพาะแววตาที่ดุดันแต่แฝงความหมายอะไรบางอย่างไว้ตลอด , Michael Byrne กับบท อนาโตลี่ ครุชคอฟ ที่ปรึกษาของนีมีรอฟ ซึ่งแม้จะโผล่น้อย แต่ต่อยหนักครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฉากจบของเรื่อง

อย่างที่บอกครับ ว่าเนื้อเรื่องมันลดอายุแจ๊ค ซึ่งภาคก่อนเขาจะแต่งงานมีลูกเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยฮะ แต่มาภาคนี้ก็ปรับไปเป็นว่าเขาเพิ่งเริ่มคบกับแฟนเท่านั้น ซึ่งก็คือคุณหมอสาวแคธี่ มัลเลอร์ (Bridget Moynahan) ที่ตอนนี้ยังเป็นแค่แพทย์ประจำบ้านปี 2 เท่านั้นเอง

ส่วนตัวละคร จอห์น คลาร์ค ก็ยังตามมามีบทบาทในเรื่องด้วยครับ โดย Liev Schreiber มารับบทไป ซึ่งขานี้แสดงได้ดีจนน่าทึ่ง เพราะพี่แกไม่เคยเล่นบททำนองสายลับแบบนี้เลยอ้ะ แต่ดันไหลลื่นเกินคาด

นัก แสดงเฉียบขาดทุกทั่วตัวคนครับ (อาจจะยกเว้นนิดหน่อยที่ Affleck กับ Moynahan นะครับ) ดนตรีของ Jerry Goldsmith ผู้ล่วงลับก็ยังคงทรงพลังอยู่เช่นเคย และการกำกับของ Robinson ก็ยอดมากครับ ซึ่งเขาเคยทำ Sneakers ไว้ และเรื่องนั้นก็ทำได้ยอดมาก เป็นแนวสายลับเหมือนกันครับ จนผมไว้วางใจเลย พอได้ยินชื่อเขามากำกับ หนังก็ทำได้กดดันพอสมควร แต่ไม่ถึงกับเครียดหนักๆ นะครับ แค่พอกรุ่นๆ ช่วงต้นอาจจะไม่เร้าใจนัก แต่พอเกิดเหตุร้ายตอนกลางเรื่องเท่านั้นแหละ ความน่าติดตามเพิ่มขึ้นมิดเกย์ทันที

นับเป็นการกลับมาอีกครั้งของ แจ๊ค ไรอันที่น่าพอใจครับ อันนี้ต้องทำใจที่แจ๊คดันเด็กลงนิดนึงนะครับ นอกนั้น หนังทำได้ถึงฟอร์มดีทีเดียว … ก็ตามเคยนะครับ นี่ไม่ใช่หนังบู๊นะ

สองดาวครึ่งกว่าๆ บวกๆ ครับ

Star22(7.5/10)