Action

The Mummy (1999) เดอะ มัมมี่ คืนชีพคำสาปนรกล้างโลก

51meNcVbErL._SX940_

หนังผจญภัยสุดมันส์กับการเอา The Mummy ฉบับเก่ารีเมคใหม่ (ผมว่ามันออกแนว รีอิมเมจิน มากกว่าครับ เพราะมันคนละแนวกับของเก่าโดยสิ้นเชิงเลย) ซึ่งมัมมี่ฉบับนี้ยังคงเป็นอิมโฮเทป (Arnold Vosloo) พระครูชั้นสูงแห่งอียิปต์ที่โดนลงทัณฑ์ด้วยเวทย์มนต์ฮอม-ได มหาคำสาปที่จะทำให้ผู้ที่โดนตกอยู่ระหว่างภพ มิได้ผุดได้เกิด แต่หากมีใครไปปลุกเขาขึ้นมา เขาจะมาพร้อมพลังอำนาจระดับมหาภัยพิบัติ แล้วกลุ่มนักล่าสมบัติที่นำโดย ริค โอ คอนเนลล์ (Brendan Fraser) และ เอฟเวอร์ลีน (Rachel Weisz) บรรณารักษ์ห้องสมุดในเมืองอียิปต์ก็ดันไปปลุกพี่อิมเข้า งานนี้ก็เลยเป็นเรื่องครับ

สำหรับผู้กำกับ Stephen Sommers แล้ว ผมต้องยกให้เป็นจอมรีอิมเมจจินอีกคนของวงการ อย่างใน Van Helsing  พี่แกก็สร้างตำนานใหม่ขึ้นมาเต็มๆ (หลายคนอาจเฉยๆ น่ะนะครับ แต่ผมนี่ชอบแบบสุดบาทาจริงๆ) สำหรับเรื่องนี้ก็ตามเคย พี่แกปรับแนวมาเป็นแบบของพี่แกเอง คือแอ็คชั่นผจญภัย เพราะฉบับเดิมนั้นมันเป็นหนังสยองนะครับผม ประมาณ Dracula ปี 1931 น่ะแหละ แต่มาอันนี้นี่โอ้โห แอ็คชั่นไหลมาเทมา ส่วนความสยองนั้นถือเป็นเรื่องรอง ซึ่งหนังก็ดูเพลินครับ มันส์ได้ตลอด มีเบรคบ้างนิดหน่อย (ในขณะที่ Van Helsing นั้นถือว่าถอดเบรคออกไปทั้งดุ้น ดูแล้วเหนื่อยเป็นบ้าครับ)

หนังลงตัวทีเดียวครับ ฉากแอ็คชั่นมาเรื่อยๆ พร้อมด้วย CG ที่เสริมความตื่นตา การเดินเรื่องก็เร้าใจและเอามันส์เป็นสรณะ สาระไม่เน้นมากมาย ทำออกมาสไตล์ป็อบคอร์น – ได้รส เอามันส์ และไม่คำนึงถึงสารอาหาร – ดาราก็จัดว่าลื่นทั้งนั้นครับ Fraser ถือว่าเกิดมาเพื่อบทนี้เลยก็ว่าได้ เหมาะจริงๆ ครับ ส่วน Weisz นี่ผมก็ไม่เคยเห็นเธอสวยขนาดนี้มาก่อนเลยครับ เรื่องอื่นๆ ดูธรรมดายังไงก็ไม่รู้ แต่กับเรื่องนี้เธอฉายเสน่ห์จริงๆ แล้วยังต๊องแบบน่ารักอีกด้วย

พี่ Arnold Vosloo นี่ผมก็ชอบแกมานานแล้วครับ ตั้งแต่ Darkman ภาค 2 – 3 แล้วก็ Hard Target ของเฮีย John Woo เพราะหน้าตาพี่แกเป็นเอกลักษณ์ดี (หลายคนบอกหน้าแกเหมือนพี่ Nicolas Cage ซึ่งก็เหมือนในบางมุมครับ) และเขาก็ถือว่าเกิดมาเพื่อบทนี้เหมือนกันครับ ดูแล้วมาดดีจริงๆ อีกคนที่มาเพื่อฮาคือ John Hannah พี่ชายจอมป่วนของเอฟเวอลีนที่คอยเรียกเสียงฮาได้ดี กับอีกคนก็ Kevin J. O’Connor ดาราที่ร่วมแสดงในหนังของ Sommers มาหลายเรื่องแล้วก็มาเป็นตัวฮาอีกคน แต่ออกแนวโฉดหน่อยน่ะครับ และที่ลืมไม่ได้คือพี่ Oded Fehr ในบทอาเด็ด เบย์ ผู้พิทักษ์เผ่าเมไจล์ที่เท่ห์และลึกลับ

เกร็ดที่อยากนำมาเล่าก็คือ ฉากที่ริคโดนแขวนคอนั้น ทำเอา Fraser เกือบตายจริงแน่ะครับ – เพราะพี่ท่านเล่นจริงแขวนคอจริง – โดย Weisz มาเล่าในภายหลังว่าฉากนั้นทำให้ Fraser เกิดอาการหยุดหายใจจริงๆ ทำเอาทั้งกองวุ่นต้องกู้ชีพกันอุตลุดทีเดียว

แล้วโทนของหนังที่ผมบอกว่าไม่เน้นสยองนั้นก็เป็นไปตามความต้องการของผู้สร้างครับ ทีม CG ที่ออกแบบมัมมี่อิมโฮเทปนั้นถึงกับได้รับคำสั่งว่า “No Gore” หรือก็คือห้ามออกมาในเชิงโหดเชิงแหวะเด็ดขาด

ส่วนอิมโฮเทปนั้นมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ครับ แต่เขาไม่ใช่พระชั้นสูงแต่อย่างใด ตัวจริงของเขานั้นคือสถาปนิกผู้มีส่วนในการสร้างพีระมิดแห่งแรกของอียิปต์ ในประวัติศาสตร์จริงๆ เขาก็ไม่ได้มีพฤติกรรมเลวร้ายอะไร และอันที่จริงเขายังเป็นที่เคารพนับถืออย่างยิ่งอีกด้วย นอกจากนี้อิมโฮเทปไม่ได้อยู่ร่วมยุคสมัยเดียวกับฟาโรห์เซติที่ 1 ครับ โดยอิมโฮเทปนั้นเสียชีวิตไปก่อนที่ฟาโรห์เซติที่ 1 จะขึ้นครองราชย์กว่า 1,300 ปีทีเดียว – ก็เป็นเรื่องธรรมดาของหนังครับที่จะต้องมีการยำและดัดแปลงสิ่งต่างๆ ให้เหมาะสมตามท้องเรื่อง และตามแต่จินตนาการของคนทำ

และ Vosloo บอกกับผู้กำกับ Sommers ว่า เขาจะตกลงรับแสดงบทอิมโฮเทปก็ต่อเมื่อ Sommers ต้องยอมให้ Vosloo ตีความความรักของอิมโฮเทปในโทน “รักต้องห้ามแบบ Romeo and Juliet” โดยเขาจะแสดงในทิศทางนั้น ซึ่ง Sommers ก็ตกลงครับ

ส่วน Sommers นั้นก็เล่าว่าเขาเคยดู The Mummy เวอร์ชั่นปี 1932 เมื่อตอนอายุ 8 ขวบครับ และเขากลัวมันมากทีเดียว แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้เขามีความฝันว่าสักวันเขาจะเอาหนังเรื่องนี้มาสร้างใหม่ในแบบของเขาเอง ซึ่งสเกลของเรื่องจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และนี่ก็คือความฝันนั้นของเขาที่เป็นจริงในที่สุดครับ (ตอนหนังฉาย พี่เขาอายุประมาณ 37 ปีครับ)

นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า Leonardo DiCaprio เคยได้รับการเสนอให้มารับบทริคด้วยครับ และ DiCaprio ก็ทำท่าสนใจด้วย แต่พอดีว่าเขาติดสัญญาเล่นหนังเรื่อง The Beach ไปแล้วครับ ว่ากันว่า DiCaprio พยายามเจรจากับผู้สร้าง The Beach ให้เลื่อนตารางการถ่ายทำไปอีก เพื่อที่เขาจะได้มาเล่นใน The Mummy แต่ทางผู้สร้างก็ไม่ยอมครับ ทำให้พ่อหนุ่ม Leo ไม่ได้มาแสดงในบทนี้ – แต่จนแล้วจนรอด กองถ่าย The Beach ก็มีปัญหา ทำให้ต้องเลื่อนการถ่ายทำออกไปอยู่ดีครับ

และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ Clive Barker (แห่ง Hellraiser และ Nightbreed) เคยจะมาทำหนังเรื่องนี้ โดยวิสัยทัศน์ของ Barker นั้นกะจะทำหนังออกมาโดยใช้ทุนไม่สูงนัก และแน่นอนว่าหนังจะโหดเดือดเลือดโชกตามสไตล์พี่แก แต่สุดท้ายโปรเจคท์ก็ไม่ได้ไปต่อ แล้วก็ยังมี Wes Craven, Sam Raimi, Joe Dante (ที่คิดจะให้ Daniel Day-Lewis รับบทมัมมี่) และ George A. Romero (ที่มีแนวคิดจะให้หนังมีความเป็นหนังซอมบี้แบบ Night of the Living Dead) ได้รับการเสนอให้มากำกับด้วย

และนี่เป็นผลงานการแสดงชิ้นสุดท้ายของ Bernard Fox ครับ ที่มาแสดงเป็นนักบินเฒ่าผู้ไม่กลัวอันตรายนั่นเอง ก็ต้องขอไว้อาลัยท่านมา ณ ที่นี้ครับ

ผมว่าคนที่ชอบหนังแนวนี้น่าจะดูกันหมดแล้วมั้งครับ มันส์ขนาดนี้ แต่ถ้าใครยังไม่ได้ดูก็หามาดูเถอะครับ ถือว่าเป็นอะไรที่มันส์จริงๆ แล้วหนังก็โกยเงินไปสวยงามกว่า $416 ล้าน จากทุนราวๆ $80 ล้านครับ ซึ่งว่ากันว่าเมื่อหนังออกฉายวันแรกพร้อมทำเงินเปิดตัวสวยงาม Sommers ก็ได้รับโทรศัพท์จากทาง Universal ในวันเช้ารุ่งขึ้น โดยปลายสายบอกว่า “เราต้องการภาคต่อ”

เป็นอีกหนึ่งหนังผจญภัยที่ไม่สร้างความผิดหวังให้คนดูครับ

สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ

Star22

(7.5/10)

Untitled03671