Action

Kill Bill: Vol. 2 (2004) นางฟ้าซามูไร 2

B00005JMUA.01._SCLZZZZZZZ_

ภาคต่อที่เล่าเรื่องในช่วงต่อมา เมื่อเจ้าสาว (Uma Thurman) สามารถล้างแค้นไปได้ 2 ใน 5 แล้ว เธอก็ยังคงเดินหน้าต่อไป เพื่อจุดประสงค์สูงสุดคือ ฆ่าบิลล์ (David Carradine) ครับ

ใครที่คาดหวังฉากแอ็คชั่นมากสไตล์แบบตอนแรก อาจผิดหวังครับ แต่สำหรับผม นอกจากไม่ผิดหวังแล้วยังโดนแบบสุดๆ อีกต่างหาก

เพราะตอน 2 นี้เป็นเหมือนส่วนเติมเต็มที่ทำให้ตอนแรกสมบูรณ์ขึ้นครับ เพราะเราจะได้รุ้ว่าเหตุการณ์ตอนสังหารโหดกลางงานแต่งเป็นอย่างไร ได้รู้ว่าทำไมเจ้าสาว ถึงได้เก่งโคตรขนาดนี้ และได้รู้บทสรุปของเรื่องทั้งหมดด้วย

ต้องยอมรับว่าช่วงต้นๆ กับเรื่องของบั๊ด (Michael Madsen) น้องชายของบิลล์ นั้นค่อนข้างอืดและไม่มีอะไรให้น่าติดตามเท่าไหร่ ต้องรอจนกระทั่งเจ้าสาวโผล่มานั่นแหละครับ ความสนุกก็เริ่มทยอยตามมาเป็นระยะๆ แต่สนุกที่ว่านี่ไม่ใช่ฆ่ากันโหดๆ แบบภาคที่แล้วเพียงอย่างเดียว มันมีความเป็นดราม่ามากขึ้น (อย่างที่ยุคนั้นชอบพูดน่ะครับว่า “ฟังกันมากขึ้น พูดกันมากขึ้น”) ซึ่งตรงนี้ถ้าชอบก็ชอบไปเลย แต่ถ้าไม่ชอบก็คงจะเบื่อไปเลยเช่นกัน อันนี้ก็ห้ามไม่ได้ซะด้วย แล้วแต่ความชอบครับ แต่บอกไว้เลยว่าหนังเรื่องนี้มันพูดกันแทบทั้งเรื่องจริงๆ มีฉากตีกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง

แต่ที่พูดกันนี่ ไม่ได้เรื่อยเปื่อยเลยนะครับ ทุกบทสนทนามีสิ่งต่างๆ แทรกตลอด ทั้งอุปนิสัยตัวละครหรือการบอกถึงแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ, การเฉลยสิ่งที่ยังคั่งค้าง บางอันก็เลยไปถึงปรัชญา รวมไปถึงสร้างอารมณ์ขันอีกด้วย… แต่ก็นั่นแหละ ลองว่าไม่ชอบหนังที่พูดๆๆๆๆๆ ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะจูงใจให้ดูหรอกครับ ไม่อยากบังคับ แค่อยากบอกว่ามีสาระดีๆ แฝงอยู่เยอะ เอาแค่ที่บิลล์ พูดวิจารณ์การ์ตูน “Superman” นั่น ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ แล้วล่ะ

ไฮไลท์ที่ค่อนข้างเข้มข้นก็จะมีช่วงที่หนังย้อนเล่าถึง การฝึกฝนระหว่างเจ้าสาวและไป๋เม่ย (หลิวเจียฮุย) ที่ฝึกโหดแบบหนังจีนกำลังภายในชนิดที่ดูแล้วมันให้อารมณ์ในระดับเดียวกับหนังจีนแนวจอมยุทธจริงๆ น่ะครับ มันถึงจริงๆ โดยเฉพาะฉากคีบตะเกียบกินข้าวนั่นมันง่ายๆ นะครับ แต่ดูสีหน้าของไป๋เม่ยฉากนั้นแล้ว มันโดนอ้ะ เพราะมันสื่อชัดๆ ว่าไป๋เม่ยแม้จะโหดสุดๆ ในการฝึก แต่เขาก็หวังดีต่อลูกศิษย์คนนี้อย่างจริงใจ และเขาก็เริ่มนับถือผู้หญิงคนนี้แล้วด้วย ทำให้ฉากต่อมาเป็นอะไรที่ให้อารมณ์มากขึ้นไปอีก แล้วดนตรียังมากระหน่ำอีก โอย ผมตายครับ ตายจริงๆ

ไฮไลท์ต่อมาก็ตอนเจ้าสาวตีกับแอลล์ (Daryl Hannah) น่ะครับ ที่ตีได้มันส์และฮาไปพร้อมๆ กัน และที่ผมชอบสุดๆ คือ เจ้าสาวจัดการกับแอลล์ได้อย่างสะใจมากๆ และฉากที่ว่านี่แหละ มันถึงอารมณ์หนังจีนแนวล้างแค้นจริงๆ ครับ พี่ Quentin แกตั้งใจจะทำหนังเรื่องนี้เพื่อเคารพหนังเก่าๆ ของ Shaw Brothers ที่เขาโปรดปราน และฉากนี้นี่แหละ ที่ผมถือว่าเขาทำสำเร็จครับ เพราะมันใช้มุขหนังจีนขนานแท้เลยอ้ะ ไม่เชื่อ ไปดูครับ

ตอนนี้ผมเริ่มตายเป็นพักๆ แล้วนะครับ แต่ฉากที่เล่นเอาผมอึ้งไปเลยก็คือ ฉากที่เจ้าสาวตรงไปหาบิลล์และพอเธอเปิดประตูเธอพบบิลล์ แต่เธอก็พบคนที่ไม่คาดฝันด้วย ฉากนี้มันให้ความขัดแย้งทางอารมณ์อย่างสุดๆ จริงๆ และสีหน้าของ Uma ในฉากนั้นก็สุดยอด เพระเธอไม่รู้จะโกรธ ร้องไห้ หรือดีใจดี เพราะทุกความรู้สึกมันปะทะเข้ามาในเวลาเดียวกัน .. ฉากที่ว่านี่ ผมแทบจะเกร็งตามเจ๊ Uma ไปด้วย ฉากนั้นนี่ระดับออสการ์เลยล่ะ ในความคิดผมน่ะนะครับ – แล้วพี่ David Carradine อีกคน ฉากที่ว่านี่ผมตายเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ผมตายกับฉากนี้หนักกว่าเพื่อนเลยครับ

ดาราโคตรยอด การเดินเรื่องก็น่าติดตามตลอด (อาจมีช่วงช้าหน่อยตอนเรื่องของบั๊ด) ดนตรีและเพลงประกอบก็ยังถึงแก่ชีวิตผมตามเคย รวมไปถึง End Credits ที่สะใจผมสุดๆ และผมเชื่อแล้วล่ะครับว่า พี่ Quentin แกตั้งใจกับงานชิ้นนี้มาก ซึ่งผมก็ขอคารวะพี่แกด้วยความเคารพอย่างสูงครับ

เห็นเขาว่ากันนะครับ ว่าตอนแรกพี่ Quentin แกหมายมั่นปั้นมือที่จะให้ Warren Beatty มารับบทบิล และบทนี้ก็เขียนขึ้นมาเพื่อ Beatty โดยเฉพาะ (เอาแค่ประเด็นเรื่องเสือผู้หญิงนี่ก็ใช่แล้วล่ะครับ) แต่ Beatty บอกผ่านครับ แล้วแนะนำ Carradine เข้ามาแทน ซึ่งผมว่ามันก็ดีน่ะฮะ เพราะบทบิลล์นั้นดูเข้ากับ Carradine มากกว่าเยอะ คือ พวกมีวิทยายุทธน่ะครับมันน่าจะแบบนี้แหละ แต่ก็นั่นแหละครับ ถ้า Beatty มาเล่นจริงๆ ลักษณะนิสัยของบิลล์อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราเห็นนี่ก็ได้

แล้วก็ตามเคยครับ หนังทำออกมาดี และลูกเล่นมุกวงใน ความหมายแฝงต่างๆ ก็อุดมอีกแล้ว อย่างของประกอบฉาก เช่น ฟลุตที่บิลล์เป่านั้นก็เป็นอันเดียวกับที่ Carradine เคยใช้ในหนังซีรี่ส์ Kung Fu นั่นเอง หรือจะเรื่องซูเปอร์แมนนั่น แล้วยังบทสนทนาอีกหลายอันซึ่งถ้าร่ายก็คงยาวมากล่ะครับ เพราะพี่เขาเล่นแฝงมันทุกช่วงเลย ก็เชื่อแล้วล่ะครับว่าพี่ Quentin แกตั้งใจทำออกมาจริงๆ เลย (ตอนพี่แกนั่งดูผลงานตัวเองคงสนุกพิลึกล่ะ)

มีที่น่าเสียดายนิดนึงตรงที่ แรกเริ่มเดิมทีนั้นนะครับ หนังจะต้องมีฉากการต่อสู้ระหว่างเจ้าสาว กับยูกิ ยูบาริ ซึ่งเธอเป็นน้องสาวของโกโกะ (Chiaki Kuriyama) สาวตุ้มเหล็กจากภาคแรกนั่นเอง แล้วเธอก็มาแก้แค้นให้พี่สาว แต่สุดท้ายก็ถูกตัดออกไป เพราะพี่ Quentin แกเห็นว่าฉากตอน Massacre at Two Pines นั้นเหมาะจะเอามาใส่มากกว่าน่ะครับ เราเลยอดดูฉากการล้างแค้นนี้เลย

ตกลงว่า ถ้ายังไม่ได้ดู ขอให้ลองชมดูเถอะครับ อย่างที่บอก หนังมันหนักไปทางการพูดกัน ถ้าไม่ชอบก็ไม่ว่าครับ ผมเข้าใจว่าคนเรานานาจิตตัง แต่ถ้าสนใจหรือชอบหนังสไตล์พี่ Quentin แกล่ะก็ รีบดูเลยครับ ซื้อมาเลยก็ได้ฮะ คุ้มแก่การดูแล้วดูอีกแน่นอน

ส่วนเรื่องรายได้นั้นก็ถือว่าน้อยกว่าภาคแรกหน่อยครับ ทำเงินทั่วโลกไป $154 ล้าน (ในขณะที่ภาคแรกอยู่ในระดับ $180 ล้าน) ส่วนหนึ่งอาจเพราะหนังออกแนวพูดกันมากกว่าจะแอ็คชั่นมันส์หยดแบบภาคแรก แต่ยังไงก็ไม่ขาดทุนครับ เพราะทุนสร้างอยู่ที่ $30 ล้านเท่านั้น

ทุกครั้งที่ดู Vol. 1 ต้องต่อด้วย Vol. 2 ครับ เพราะของมันคู่กัน และถือเป็นหนังคู่ดูควบที่ยอดเยี่ยมขึ้นหิ้งจริงๆ

สามดาวครึ่งกันไปครับ

Star32

(8.5/10)