ป้ายกำกับ: Vera Farmiga

The Conjuring: The Devil Made Me Do It (2021) เดอะ คอนเจอริ่ง คนเรียกผี 3 มัจจุราชบงการ

ระหว่างดู The Conjuring: The Devil Made Me Do It ผมถามตัวเองว่าอะไรทำให้ผมชอบ The Conjuring 2 ภาคแรก แล้วคำตอบก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมา

The Nun (2018) เดอะ นัน

จริงๆ นี่ถือเป็นหนังที่ถูกจับตามากที่สุดเรื่องหนึ่งของจักรวาล The Conjuring เลยล่ะครับ เพราะผีแม่ชีปริศนานี่โผล่มาเรียกน้ำย่อยความสยองอย่างได้ผลใน The Conjuring 2 และโผล่แว่บๆ ใน Annabelle: Creation จนทำเอาหลายคนตั้งตารอ

The Judge (2014) เดอะ จัดจ์ สู้เพื่อพ่อ

ปี 2014 ถือเป็นปีพักร้อนของ Robert Downey Jr. ครับ หลังจากโหมเล่นหนังฟอร์มยักษ์อย่าง Iron Man, Sherlock Homes และ The Avengers มาหลายปี ก็ได้พักมาเล่นบทเล็กๆ ใน Chef ตามด้วย The Judge ผลงานชิ้นแรกของบริษัท Team Downey ที่เขาและภรรยา (Susan Downey) ร่วมกันก่อตั้งขึ้น

The Conjuring (2013) เดอะ คอนเจอริ่ง คนเรียกผี

ถือเป็นหนังผีที่ทำออกมาได้ถูกใจในรอบหลายปี (เท่าที่จำได้ ที่ถูกใจล่าสุดก็น่าจะเป็น Insidious… รู้สึกผู้กำกับจะคนเดียวกับเรื่องนี้นะเนี่ย 555)

Source Code (2011) แฝงร่างขวางนรก

หนังเรื่องนี้มีดีอย่างยิ่งตรงบทครับ บทที่ค่อยๆ เผยความจริงทีละนิด เผยแบบน่าติดตาม ชวนให้เราอยากรู้ว่าเรื่องมันจะไปยังไงต่อ ทั้งๆ ที่เกือบทั้งเรื่องน่ะ เหตุการณ์ก็วนซ้ำอยู่ที่เดิมๆ ตัวละครเดิมๆ ซึ่งก็คือโคลเตอร์ สตีเวนส์ (Jake Gyllenhaal) ชายที่ถูกส่งไปยังอดีต เพื่อค้นหาเหตุวินาศกรรม แต่จุดที่ทำให้น่าสนใจคือ “การตัดสินใจของคนที่แตกต่างออกไป”

15 Minutes (2001) คู่อำมหิต ฆ่าออกทีวี

เอมิล สโลแว็ก (Karel Roden) และโอเล็ก ราซกูล (Oleg Taktarov) คือสองอาชญากรจากฝั่งยุโรปที่มาอเมริกาเพื่อความดังและความร่ำรวยครับ โดยการใช้กล้องถ่ายวีดีโอคอยถ่ายพฤติกรรมของพวกเขาทั้งยามปกติและยามที่ก่อเหตุอาชญากรรม ก่อนจะส่งคลิปให้สถานีโทรทัศน์ไปออกข่าว

Safe House (2012) ภารกิจเดือดฝ่าด่านตาย

ผมเชื่อเสมอครับว่าหนังที่จะครองใจคนดูได้ไม่จำเป็นต้องสดใหม่ หรือต้องมีอะไรไม่เหมือนใครเสมอไป บางทีการปรุงภาพยนตร์สูตรเดิมๆ ให้มันถึงเครื่อง คนดูก็พร้อมจะอ้าแขนต้อนรับแล้วล่ะครับ

The Commuter (2018) นรกใช้มาเกิด

ดูหนังเรื่องนี้แล้วผมบังเกิดความรู้สึก 2 อย่างพร้อมๆ กัน อย่างแรกคือดูได้สนุกเพลินดี ตามสไตล์หนังบู๊ที่มี Liam Neeson มาแสดงนำ ส่วนอีกอย่างก็คือ อดรู้สึกไม่ได้ว่าบทหนังมันมีช่องโหว่เยอะจัง