เจมส์ โบรดี้ (Jason Patric) กับลูกชายทำงานขับรถคุ้มเกราะ แต่แล้ววันหนึ่งก็มีโจรนำโดย รุ๊ค (Sylvester Stallone) มาจอดขวางพวกเขากลางสะพานและหมายจะปล้นของในรถ เจมส์เลยต้องหาทางปกป้องตนกับลูก รวมถึงของมีค่าที่อยู่ในรถด้วย
เจมส์ โบรดี้ (Jason Patric) กับลูกชายทำงานขับรถคุ้มเกราะ แต่แล้ววันหนึ่งก็มีโจรนำโดย รุ๊ค (Sylvester Stallone) มาจอดขวางพวกเขากลางสะพานและหมายจะปล้นของในรถ เจมส์เลยต้องหาทางปกป้องตนกับลูก รวมถึงของมีค่าที่อยู่ในรถด้วย
โดโนแวน แมคโดนัลด์ (Matthew Modine) คือหนึ่งในโจรที่ปล้นธนาคาร แต่เขาก็ประสบเหตุทำให้ความจำเสื่อม เขาจะไม่ได้ว่าทำอะไรลงไปและที่สำคัญกว่านั้นคือไม่รู้ว่าเงินที่ปล้นมาถูกซ่อนไว้ที่ไหน แล้วก็มีคนตรงมาหาเขาเพื่อช่วยให้เขาฟื้นความทรงจำเพื่อที่จะได้เอาเงินนั้นมา โดยมีเจ้าหน้าที่ไซค์ส (Sylvester Stallone) คอยไล่ล่าแบบตามติด
ปกติผมจะเล่าเรื่องย่อพอสังเขปน่ะนะครับ แต่กับเรื่องนี้ขอผ่านเลยครับ และอยากจะบอกเลยว่า เรื่องนี้ไม่ต้องดูก็ได้ครับ 5555
ตอนแรกอยากดูเพราะพี่ Sylvester Stallone แสดงนำครับ แต่พอมารู้ว่าซีรี่ส์สร้างสรรค์โดย Taylor Sheridan เจ้าของบทหนังเข้มๆ อย่าง Sicario, Hell or High Water และ Wind River แล้ว กราฟความสนใจเลยพุ่งขึ้นไปอีก
ภาคที่แล้วไม่เวิร์คนัก ขนาดพี่สไลเองก็ยังไม่โอเคจนเอ่ยปากออกมาตรงๆ ว่าไม่โอเค ภาคนี้เลยเหมือนลืมๆ ภาค 2 ไป เพราะภาค 2 จบแบบทิ้งเชื้อเอาไว้ แต่มาภาคนี้หนังข้ามเรื่องพวกนั้นไปเลยครับ มาเส้นเรื่องใหม่เลย
ได้ยินกิตติศัพท์ร่ำลือมานานสำหรับภาคต่อของ Escape Plan น่ะนะครับ แต่ยังไงก็ต้องดูตามหน้าที่ ครั้นดูแล้วก็พอเข้าใจว่าทำไมหลายคนบ่น เพราะผมเองก็ยังอดบ่นไม่ได้เลย 555
เรื่องนี้จัดว่าน่าดูตรงพล็อตครับ ประมาณว่า 2 นักมวยในตำนานที่ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาทั้งชีวิตกำลังจะกลับมาชกกันอีกหนในตอนที่พวกเขาแก่จนเกือบหง่อม และนักมวยคู่นั้นก็คือ บิลลี่ “เดอะ คิด” แมคดอนเนน (Robert De Niro) และ เฮนรี่ “เรเซอร์” ชาร์ป (Sylvester Stallone) ซึ่งไฮไลท์ของหนังก็หนีไม่พ้นการดวลหมัดกันระหว่าง 2 คนนี้ในตอนท้าย แต่ขณะเดียวกันตอนระหว่างทางนี้เนื้อหาก็นับว่าโอเคครับ ชวนติดตามใช้ได้อยู่
นี่คือสารคดีที่คนรักพี่สไล หรือ Sylvester Stallone ควรได้ชมครับ หรือใครก็ตามที่อยากรู้จักดาราขาบู๊ระดับตำนานคนนี้ให้มากขึ้น นี่ก็เป็นสารคดีที่ตอบโจทย์ได้โอเคเลย
งานกำกับลำดับที่ 3 ของลุง Woody Allen ครับ ถือเป็นงานสมัยแรกๆ ที่อุดมการจิกกัดเสียดสีตามสไตล์ลุงเขา ซึ่งผมมองว่าเป็นหนังยุคซ้อมมือก่อนที่อะไรๆ มันจะลงตัวและเฉียบคมมากขึ้นในหนังยุคต่อมาอย่าง Annie Hall หรือ Manhattan
ผมดู Rambo ภาคนี้ในวันที่ได้ข่าวว่า Rambo อาจมีภาค 6 ตามออกมาครับ ประมาณว่าพี่ Sylvester Stallone ออกมาแพลมๆ ว่าเขาอาจจะทำ Rambo 6 ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะภาคนี้มันยังไม่เข้าเป้าตามที่พี่เขาต้องการหรือเปล่า เพราะคำชมก็ไม่มาก รายได้ก็กลบทุนแบบหมิ่นๆ