ป้ายกำกับ: Sean Connery

Diamonds Are Forever (1971) เพชรพยัคฆราช 007

เมื่อ George Lazenby โบกมืออำลาบทเจมส์ บอนด์ หลังจากแสดงไปได้เพียงภาคเดียว ทำให้ Albert R. Broccoli กับ Harry Saltzman 2 ผู้สร้างหนังชุดนี้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ Sean Connery กลับมาแสดงเป็นบอนด์อีกสักภาค เพื่อกระชากเรตติ้ง

You Only Live Twice (1967) จอมมหากาฬ 007

ใน End Credits ของเจมส์ บอนด์ภาคก่อนได้ขึ้นว่า “บอนด์จะกลับมาในตอน On Her Majesty’s Secret Service” แต่เนื่องจากตามนิยายแล้ว ฉากหลังของตอนดังกล่าวจะต้องอุดมไปด้วยหิมะ เพราะบอนด์ต้องไปผจญภัยบนฐานลับของศัตรูที่มีหิมะปกคลุม อีกทั้งมีการไล่ล่ากันด้วยสกีอีกต่างหาก

Thunderball (1965) ธันเดอร์บอลล์ 007

นี่ถือเป็นบอนด์ตอนที่มีคนดูมากที่สุดตลอดกาลเลยก็ว่าได้นะครับ นับจำนวนแล้วก็ประมาณ 74.8 ล้านคนแน่ะ ก็ถ้าคิดเป็นค่าตั๋วในยุคปัจจุบัน (ปี 2560) หนังก็จะทำเงินไปถึง 664 ล้านเลยทีเดียวล่ะครับ

Goldfinger (1964) จอมมฤตยู 007

ตอนจบของ From Russia with Love (1963) ได้ทิ้งท้ายไว้ว่าเจมส์ บอนด์จะกลับมาในตอน Goldfinger แค่นี้ก็ทำให้แฟนๆ ตั้งตารอคอยเต็มที่ แม้ช่วงแรกของการสร้างจะมีเรื่องให้ทีมงานเหนื่อยกันนิดหน่อยก็ตาม

From Russia with Love (1963) เพชฌฆาต 007

พอ Dr. No ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทำให้ United Artist ตกลงไฟเขียวให้กับภาคต่อของหนังบอนด์ทันที ทั้งยังเพิ่มทุนสร้างให้หลังจากภาคแรกใช้่ไปประมาณ 1 ล้าน มาภาคนี้ก็อัพขึ้นให้เป็น 2 ล้าน เรียกว่าจัดเต็มสุดตัวกันไปเลยทีเดียว

Dr. No (1962) พยัคฆ์ร้าย 007

Dr. No ว่าด้วยการผจญภัยครั้งแรกบนจอใหญ่ของสายลับอังกฤษรหัส 007 (ซึ่งรหัสนำหน้า 00 แสดงว่า มีใบอนุญาตฆ่า) นามว่าเจมส์ บอนด์ (Connery) ที่ถูกส่งไปจาไมก้าเพื่อสืบร่องรอยคดีฆาตกรรมเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับอังกฤษที่ชื่อสแตรงเวย์ แล้วเงื่อนงำทั้งหลายก็นำพาเขาไปพบกับอาชญากรลึกลับ ด็อกเตอร์โน (Joseph Wiseman) ผู้อยู่เบื้องหลังทั้งคดีฆาตกรรมและปฏิบัติการร้ายหมายก่อกวนความสงบสุขของโลก

The Hunt for Red October (1990) ล่าตุลาแดง

นี่คือหนังที่สร้างจากนิยายของ Tom Clancy นักเขียนผู้เก่งฉกาจมากๆ สำหรับนิยายแนวทริลเลอร์ – แอ๊คชั่น+การเมืองน่ะนะครับ และเขาก็ได้สร้างตัวละครที่ชื่อว่า แจ๊ค ไรอัน (หรือชื่อเต็มว่า จอห์น แพทริค ไรอัน) ขึ้นมา ซึ่งแจ๊คก็เป็นเจ้าหน้าที่นักวิเคราะห์แห่งซีไอเอที่ต้องมารับมือกับ สถานการณ์ตึงเครียดที่แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเหตุการณ์ระหว่างประเทศที่สามารถจุดชนวนสงครามโลกเอาได้ ง่ายๆ เลยทีเดียว เรื่องราวแต่ละตอนก็เข้มข้นทั้งนั้นครับ เพียงแค่จะมากน้อยแตกต่างกันไป

Just Cause (1995) คว่ำเงื่อนอำมหิต

พอล อาร์มสตรอง (Sean Connery) ศาสตราจารย์ทางกฎหมาย ที่ได้รับการร้องขอจากบ็อบบี้ เอิร์ล (Blair Underwood) ชายผู้โดนจับกุมข้อหาฆาตกรรมเด็ก แต่บ็อบบี้ยืนยันว่าเขาไม่ได้ทำ พอลจึงเดินทางมาเพื่อสืบหาความจริงด้วยตนเอง และเขาก็ได้เจอกับนายอำเภอผู้ไม่เป็นมิตรนัก นามแทนนี่ บราวน์ (Laurence Fishburne) การสืบหาความจริงก็ดำเนินไปพร้อมกับเวลาของบ้อบบี้ เอิร์ลที่ลดลงทุกวินาที แล้วความจริงมันคืออะไร ใครคือฆาตกร โปรดติดตามครับ

Dragonheart (1996) ดราก้อนฮาร์ท มังกรไฟ … หัวใจเขย่าโลก

ผมชอบหนังเรื่องนี้มากครับ เรื่องของ ดราโก้ มังกรไฟตัวสุดท้ายของโลก (ให้เสียงโดย Sean Connery) ที่ต้องมาโดนตามล่าจากโบเว่น (Dennis Quaid) อัศวินผู้เชื่อว่า เพราะเจ้ามังกรตัวนี้นี่แหละ ที่ทำให้ องค์ชายไอน่อน (David Thewlis คนที่มาเล่นเป็นลูปินใน Harry 3 อะแหละคับ) กลายเป็นกษัตริย์สุดชั่วร้ายไป แต่แล้วพอโบเว่นได้มาอยู่ร่วมกับดราโก้แล้ว เขาก็ได้ทราบความจริงว่ามังกรตัวนี้มีศักดิ์ศรีมากกว่าคนซะด้วยซ้ำ ที่ไอน่อนทำตัวเลวนั้น เป็นเพราะตัวเองครับ ไม่เกี่ยวกับใครเลย เขาเลยต้องร่วมมือกับดราโก้และชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งเพื่อล้มล้างทรราชย์คน นี้ลงให้ได้