
ถ้าเว้ากันซื่อๆ ก็คงต้องบอกว่าสปีดในการดู Luke Cage ของผมนั้นค่อนข้างช้าถึงช้ามากเมื่อเทียบกับ DareDevil หรือ Jessica Jones ที่ผมเอามาดูต่อกันยาวๆ แบบหยุดไม่ได้ คือมันรู้สึกอยากติดตามไปจนจบน่ะครับ
ถ้าเว้ากันซื่อๆ ก็คงต้องบอกว่าสปีดในการดู Luke Cage ของผมนั้นค่อนข้างช้าถึงช้ามากเมื่อเทียบกับ DareDevil หรือ Jessica Jones ที่ผมเอามาดูต่อกันยาวๆ แบบหยุดไม่ได้ คือมันรู้สึกอยากติดตามไปจนจบน่ะครับ
ซีรี่ส์จากค่าย Marvel ที่ตามรอยความสำเร็จของ DareDevil ออกมาครับ ร่วมทำกับ Netflix แล้วก็ผลิตออกมาฉายให้ดูพร้อมกัน 13 ตอนไปเลย
ในฐานะที่ผมเป็นติ่งพี่แบทมาตั้งแต่สมัยเพิ่งรู้จักวิธีใส่วีดีโอเข้าเครื่องเล่น ก็ขอจำกัดความเลยว่าหนังเรื่องนี้มันทำให้ผม “ขำจนต้องร้องขอชีวิต!!” เล่นมุกเกี่ยวกับแบทแมนได้สุดยอดเหลือจะเอ่ยเลยเชียว
ผมสงสัยเสมอว่าทำไม Sin City: A Dame to Kill For ถึงทำรายได้ไม่สวยเลย (ทำไป $39 ล้านจากทั่วโลก ในขณะที่ทุนนั้นปาเข้าไป $65 ล้าน)
ยอมรับว่าด้วยหลายๆ องค์ประกอบของ The Captive ไม่ว่าจะเนื้อเรื่อง, โปสเตอร์, ฉากหลังที่เต็มไปด้วยหิมะ มันทำให้นึกถึง Fargo แบบเต็มๆ ครับ
ภาคต่อที่อาจจะไม่ลงตัวกลมกล่อมเท่าภาคแรก (รวมถึงสนุกไม่มากเท่าภาค 3) แต่ก็ยังถือว่าดูเอาเพลินและเอาฮาได้โอเคในระดับหนึ่ง
Quentin Tarantino นี่เป็นผู้กำกับหนังแนวอีกคนของวงการจริงๆ ครับ ขยันหาอะไรแบบธรรมดาที่ไม่ธรรมดามาเสิร์ฟคนดูหนังอยู่ประจำ
เรื่องนี้ถือเป็นหนังแนวแอ็กชันลุ้นระทึกที่ดูสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ สมศักดิ์ศรีผู้กำกับ Tony Scott (Top Gun, Crimson Tide และ True Romance) แต่สิ่งที่ผมคาดไม่ถึงมีอยู่เพียงประการเดียว… คาดไม่ถึงว่านี่จะกลายเป็นงานกำกับชิ้นสุดท้ายของของเขา
วิธีเดียวที่จะรู้ว่า ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงเจ๊งแบบไม่เป็นท่า ชนิดที่ไม่เคยเกิดกับ Eddie Murphy มาก่อนเลยน่ะนะครับ ก็คือต้องเข้าไปดู
ผมเคยบอกไว้ตั้งแต่สมัยที่ The Rock เริ่มเข้าวงการแสดงในเรื่อง The Scorpion King แล้วล่ะนะครับ (The Mummy Returns เป็นแค่บทรับเชิญครับ ต้องเรื่องหลังนี่ถึงจะเต็มตัว ) ก็กะว่าพี่แกจะมีแนวโน้มสูงมากๆ ที่จะโด่งดังเจริญรอยตามพี่บึ้กรุ่นเดอะ