
ร็อคกี้ บัลบัวร์ ถือเป็นตัวละครที่สร้างขึ้นด้วยมือของ Sylvester Stallone (เพราะเขาเขียนบท Rocky เอง) และขณะเดียวกันบทร็อคกี้ก็ทำให้ Stallone โด่งดังค้างฟ้า เป็นที่รู้จักมาจนถึงทุกวันนี้
ร็อคกี้ บัลบัวร์ ถือเป็นตัวละครที่สร้างขึ้นด้วยมือของ Sylvester Stallone (เพราะเขาเขียนบท Rocky เอง) และขณะเดียวกันบทร็อคกี้ก็ทำให้ Stallone โด่งดังค้างฟ้า เป็นที่รู้จักมาจนถึงทุกวันนี้
ตอนก่อนๆ ถ้าท่านอ่านกันน่ะนะครับ จะเห็นว่าผมชมในเรื่องการเขียนบทของพี่ Sylvester Stallone ในภาคแรกนั้น บทหนังมันสมบูรณ์ครับ เรียบง่ายแต่สมบูรณ์ ส่วนภาคสองก็ป็นส่วนเสริมจากภาคแรก พอมาภาคสามพี่แกก็ฉลาดพอที่จะเปลี่ยนแนวให้กับหนังโดยเพิ่มความมันส์ลงไป พอมาภาคสี่แกก็ผูกเรื่องจากภาคสามมาสร้างเงื่อนไขทางอารมณ์ให้กับคนดู ซึ่งถ้าดูจากสี่ภาคแรกนี่ ยอมรับว่าแกก็มีฝีมือนะครับ
แต่พอมาภาคห้าเท่านั้นแหละ ผมถึงแก่ความงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สไลเนี่ย
เรื่องราวในภาคนี้ก็ต่อเนื่องจากตอนก่อนนะครับ เมื่อร็อคกี้ (Sylvester Stallone) กับอพอลโล (Carl Weathers) ได้กลายเป็นเพื่อนซี้กันไปแล้ว พวกเขาก็ออกงานร่วมกันอยู่เสมอๆ แต่แล้วในการชกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นแมทช์ระหว่างอพอลโล กับ อิวาน ดราโก้ (Dolph Lundgren) นักชกหมัดเหล็กไหลจากรัสเซีย ปรากฏว่าการชกครั้งนี้ส่งผลให้อพอลโลเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต ทำให้ร็อคกี้ต้องคืนสังเวียนอีกครั้งในการประลองหมัดกับอิวาน และครั้งนี้ ร็อคกี้ต้องเดินทางไปยังดินแดนหมีขาวเพื่อล้างแค้นให้อพอลโลครับ
แม้ภาคที่แล้วจะประสบความสำเร็จไปพอประมาณ แต่ก็ยังนับว่าน้อยกว่าภาคแรกนะครับ และแนวหนังมันก็เริ่มย่ำวนอยู่กับที่แล้วด้วย ซึ่งดูท่าว่า Sylvester Stallone จะเล็งเห็นในเรื่องนี้เหมือนกัน ทีนี้พอเขาคิดจะทำตอนต่อ เขาเลยจัดการเขียนบทในแนวเรื่องใหม่ นั่นคือจับเรื่องเป็นแนวบู๊เต็มตัวครับ เพื่อทำให้เรื่องร็อคกี้มันแปลกใหม่ขึ้น คนดูจะได้กลับมาดูมากขึ้นอะไรทำนองนั้นน่ะนะครับ และนั่นก็เป็นการกระทำที่ถูกต้องทีเดียว
ภาคแรกดังครับ ได้เงินไปร้อยกว่าล้าน ได้ออสการ์อีกต่างหาก ถ้าไม่ทำภาคต่อเนี่ย จะนับว่าผิดกาลเทศะอย่างรุนแรงทีเดียว
มันก็จริงนะครับที่หลังๆ มานี่ผลงานของพี่ Sylvester Stallone จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จและไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ แต่ผมก็เป็นคนหนึ่งครับที่ยังบ้าดูผลงานของพี่แกอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าคนจะด่ายังไงก็เหอะ ซึ่งคนละเหตุผลกับที่ผมบ้าดูหนังของพี่ Steven Seagal นะครับ ขานั้นน่ะผมดูเอาฮามากกว่า แต่การที่ผมยังดูหนังของพี่สไลอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็เพราะหนังเรื่องนี้นี่แหละ