
จำได้ว่าผมเคยยินดีอย่างยิ่งตอนที่มีการประกาศว่า Paranormal Activity จบลงในภาค The Ghost Dimension ประมาณว่าจบลงได้สักที หลังคนทำพยายามต่อเรื่องอยู่หลายภาค
จำได้ว่าผมเคยยินดีอย่างยิ่งตอนที่มีการประกาศว่า Paranormal Activity จบลงในภาค The Ghost Dimension ประมาณว่าจบลงได้สักที หลังคนทำพยายามต่อเรื่องอยู่หลายภาค
โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกดีใจที่หนังชุดนี้จบลงเป็นที่เรียบร้อยครับ ^_^ (จริงๆ มันควรจะมาถึงจุดนี้ตั้งนานแล้วนะ)
ยอมรับว่าภาค 4 เป็นตอนที่ทำเอาศรัทธาในหนังชุดนี้ลดลงไปเยอะ เพราะมันไม่มีอะไรใหม่แล้วครับ การหลอกหลอนมาแนวเดิมๆ เทคนิคการสร้างความกลัวก็เหมือนเอาองค์ประกอบจาก 3 ภาคแรกมา Reuse ใหม่ จุดดีอย่างเดียวของภาค 4 ยกให้น้องนางเอกนั่นแหละครับ สวยน่ารักจนชวนให้ไม่สนผีเผออะไรทั้งนั้น 555
ขอสารภาพว่าสำหรับผมแล้ว จุดสนใจของหนังเรื่องนี้ ขอยกให้คุณน้อง Kathryn Newton คนเดียวไปเลยครับ เพราะตั้งแต่ต้นจนจบผีเผออะไรผมแทบไม่สน เรียกว่าตอนดูนี่แทบจะลืมว่ามันคือตอนหนึ่งของ Paranormal Activity แต่นึกว่าเป็น “เรียลลิตี้ถ่ายทอดชีวิตสาวใส” เป็นงั้นไป 555
สิ่งแรกที่คิดตอนดูหนังเรื่องนี้คือ… คุณสมบัติสำคัญของลูกเขยในตระกูลนี้ต้องบ้ากล้องวีดีโอกันทุกคนใช่ไหมเนี่ย?
จุดเข้าท่าแรกของหนังภาคต่อแนวสยองเรียลลิตี้เรื่องนี้คือ “ไม่หลงงงทาง” รู้ว่าอะไรทำให้ภาคแรกประสบความสำเร็จ แล้วไม่รอช้าที่จะเจริญรอยตาม เรียกว่าทำตามสูตรหนังชุด Saw แทนที่จะเดินตาม The Blair Witch Project ที่พอภาคแรกดังแล้ว ดันฉีกแนวภาค 2 ไปเป็นหนังสามัญที่ขาดความใหม่สดแบบภาคแรก ผลสุดท้ายก็เลยกลายเป็นอวสานหนังชุดแม่มดแบลร์ลงทันที
ผมยังจำกระแสตอนหนัง The Blair Witch Project มาฉายในบ้านเราได้ หลังจากหนังทำเงินและได้รับการกล่าวขวัญมาจากเมืองนอกว่ามันน่ากลัวขนาดไหน แต่พอคนไทยดูกลับเฉยๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะแนวทางมันไม่ได้เข้ากับวัฒนธรรมบ้านเรา ที่ถ้าพูดถึงหนังผีล่ะก็ ต้องเป็นผีที่หน้าเละ น่ากลัว หรือไม่ก็ต้องมีฉากการฆ่าที่น่าสะพรึง นั่นถึงจะเข้าอีหรอบหนังน่ากลัวสำหรับบ้านเรา