
ผมมีคำถามในใจมาพักหนึ่งแล้วครับ ว่าถ้า Stranger Things จบในปีที่ 5 แล้วเนี่ย จะมีซีรี่ส์ไหนให้เราตามติดอีกไหมเนี่ย? แล้วบัดนี้คำตอบก็มาครับ มันคงจะเป็นเรื่อง Wednesday นี่แหละ
ผมมีคำถามในใจมาพักหนึ่งแล้วครับ ว่าถ้า Stranger Things จบในปีที่ 5 แล้วเนี่ย จะมีซีรี่ส์ไหนให้เราตามติดอีกไหมเนี่ย? แล้วบัดนี้คำตอบก็มาครับ มันคงจะเป็นเรื่อง Wednesday นี่แหละ
Love Hard หนังรักดูเพลินว่าด้วยเรื่องของนาตาลี บาวเออร์ (Nina Dobrev) สาวสวยจากแอลเอที่ไม่ลัคกี้อินเลิฟสักเท่าไร แล้วอยู่มาวันหนึ่งเธอก็ได้เจอกับหนุ่มหล่อผ่านโลกออนไลน์ พอคุยๆ ไปเธอก็ชอบเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนตัดสินใจจะบินไปเซอร์ไพรส์เขาถึงหน้าบ้านในช่วงวันหยุด
ก่อนดู The Swimmers สิ่งที่ผมคาดประมาณไว้คือกำลังจะได้ดูหนังแนวสร้างแรงบันดาลใจที่สร้างจากเรื่องจริงของนักกีฬาว่ายน้ำสาวที่ฝ่าฟันกับสารพัดอุปสรรคจนได้ไปแข่งโอลิมปิก
จริงๆ หน้าหนัง Slumberland ถือว่าเข้าทางผมนะครับ ออกแนวผจญภัยแฟนตาซี แต่ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกันผมถึงมองข้ามไป คือไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย แต่ก็ยังดีครับที่ตัดสินใจเลือกดู แล้วผลก็คือชอบครับ สนุกดี
Christmas with You หนังรักดูง่ายอีกเรื่องที่ดูได้เพลินๆ ครับ
พูดแบบเปิดใจเลยนะครับ ไม่นึกนะว่าผมจะเพลินกับ Falling for Christmas ขนาดนี้ เพราะไม่ได้คาดหวังอะไร เพียงแค่อยากดูหนังเบาๆ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ตอนแรกก็คิดว่ามันคงประมาณเดียวกับสารพัดหนังรักของ Netflix นั่นแหละ แต่ไปๆ มาๆ เรื่องนี้เข้าท่าใช้ได้เลย
Guillermo del Toro’s Cabinet of Curiosities ถือว่าเข้าทางผมครับ ชอบนักล่ะเรื่องสั้นแนวเขย่าขวัญแบบนี้ เรียกว่ารอดูตั้งแต่ประกาศสร้างกันเลยล่ะ และบัดนี้ก็ได้ดูจบครบเรียบร้อยทั้ง 8 ตอน อันได้แก่
ผมแบ่งหนังแฟนตาซีออกเป็น 3 แนวง่ายๆ ครับ แนวแรกคือเข้มจริงจัง มีรายละเอียด มีอาณาจักร มีสงครามรบพุ่ง – แนวที่ 2 คือเน้นแสงสี ย่อยง่าย หวือหวาผจญภัย ยิงเวทย์สู้กันมันส์ๆ และอีกแนวคือพันธุ์ผสมที่จับเอาแนวแรกมาเจอกับแนว 2 นั่นเอง
The Curse of Bridge Hollow หนังครอบครัวแนวปราบปีศาจประจำเมืองครับ เรื่องของครอบครัวกอร์ดอนที่เพิ่งย้ายเข้ามาในเมืองบริดจ์ฮอลโลว์ และเผอิญว่าบ้านใหม่ของพวกเขามีวัตถุที่กักปีศาจนามว่าสติงกี้แจ๊คซ่อนเอาไว้ แล้วก็ตามสูตรครับ พวกเขาดันปล่อยมันออกมา ทำให้คุณพ่อ (Marlon Wayans) และคุณลูก (Priah Ferguson) ต้องวิ่งพล่านเมืองเพื่อหาทางปราบปีศาจตนนี้ให้ได้ ก่อนจะสายเกินไป
เหตุผลสำคัญที่ดูสารคดี History of Swear Words ชุดนี้ก็เพราะพี่ Nicolas Cage นี่แหละครับ ยอมรับว่าตอนดูนี่ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็นหน้าพี่เขา และหลายวาระก็แอบขำ เพราะพี่ท่านวางมาดเป็นพิธีกรแบบเก๊กๆ วันดีคืนดีก็ปล่อยมุก เป็นอะไรที่ชวนให้ขำดีจริงๆ