
ดู Fast & Furious 9 ด้วยใจไร้คาดหวังตามเคยครับ ว่าตามจริงคือผมไม่ถึงกับเป็นแฟนหนังชุดนี้ คือดูทุกภาคได้แบบเพลินๆ มาชอบมากหน่อยก็ภาค 5 และ 6 ต่อด้วย 7
ดู Fast & Furious 9 ด้วยใจไร้คาดหวังตามเคยครับ ว่าตามจริงคือผมไม่ถึงกับเป็นแฟนหนังชุดนี้ คือดูทุกภาคได้แบบเพลินๆ มาชอบมากหน่อยก็ภาค 5 และ 6 ต่อด้วย 7
ปกติเราจะได้เห็นหนังประเภทสามีไปมีชู้ แล้วชู้ก็ตามราวีครอบครัวของเขา แต่กับ Home Sweet Hell นี่สถานการณ์กลับกันเลยครับ
ดูเมื่อนานมาแล้วตั้งแต่เข้าโรงแต่ก็ไม่ได้รีวิวครับ เพราะจริงๆ คือไม่รู้จะเขียนอะไร ตอนนี้เวลาผ่านไป 8 ปีก็ยังไม่รู้จะวิวอะไรเหมือนเดิม 555
ฉากที่ผมอยากดูที่สุดใน Fast and Furious 7 คือฉากสรุปส่งท้ายบทของ Paul Walker ครับ
หนังชุดนี้กลายเป็นหลักไมล์แห่งความมันส์ไปแล้วครับ คือมั่นใจได้เลยว่าภาคต่อๆ มาต้องทำเงินและต้องออกมาน่าพอใจ ดูเอามันส์ก็ได้ ดูเอาลุ้นหรือดูรถสวยก็ได้ ดาราในเรื่องก็คัดฝีมือกันมาทั้งนั้น
คงไม่ต้องสาธยายยาวกับหนังเรื่องนี้ครับ นอกจากประเด็นหลักๆ ว่าผมดูหนังเรื่องนี้แล้ว และผลลงเอยก็คือ “ชอบ”
โดยส่วนตัวแล้วผมชื่นชมในพัฒนาการของหนังชุดนี้มากครับ เริ่มจากการเป็นหนังว่าด้วยรถแข่ง เน้นที่ความเร็ว ความแรง แต่พอทำไป 3 ภาคแล้วทีมงานสัมผัสได้ถึงการย่ำอยู่กับที่ ไม่ว่าจะรู้ด้วยตนเองหรือรู้ด้วยตัวเลขรายได้ก็ตาม (เพราะภาค 3 ทำรายได้แค่ครึ่งเดียวของภาค 2) จึงทำให้เกิดการปรับโครงสร้างใหม่ให้กับหนังชุดนี้
ภาคแรกของหนังแอ็กชันว่าด้วยความเร็วที่สมัยนั้นคงไม่มีใครจะคาดคิดล่ะครับว่ามันจะยืนยาวสร้างต่อออกมาตั้ง 6 ภาค (และภาค 7 จะตามมาแน่ๆ) ผมเองยังคาดไม่ถึงเลย แต่ส่วนหนึ่งที่ภาคหลังๆ ประสบความสำเร็จก็ด้วยพัฒนาการในเรื่องบทและในเรื่องแอ็กชันที่ไปกันได้แบบพอเหมาะพอดี
โฉบมาเล่าเล็กๆ ไม่ยาวนะครับสำหรับหนังเรื่องนี้
ออกตัวก่อนเลยครับว่าผมชอบหนัง Lethal Weapon มาก เอามาดู 4 ภาคต่อกันบ่อยที่สุดในบรรดาหนังแอ็กชันทั้งหลาย ดูจนรู้สึกประหนึ่งว่าริกก์ส, เมอร์ทัฟ และสารพัดตัวละครในเรื่องเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยกันไปแล้วน่ะครับ 555