
ผมดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่มันออกฉายครับ แล้วก็เอามาดูซ้ำอยู่เป็นพักๆ (ก็คือถ้าดูภาคแรกเมื่อไรก็ต้องจัดภาคนี้ต่อท้ายทุกทีไป) แต่ผมก็ไม่เคยเขียนถึงเลย เหตุผลก็ง่ายๆ ครับ นั่นคือไม่รู้จะเขียนอะไรดี 555
ผมดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่มันออกฉายครับ แล้วก็เอามาดูซ้ำอยู่เป็นพักๆ (ก็คือถ้าดูภาคแรกเมื่อไรก็ต้องจัดภาคนี้ต่อท้ายทุกทีไป) แต่ผมก็ไม่เคยเขียนถึงเลย เหตุผลก็ง่ายๆ ครับ นั่นคือไม่รู้จะเขียนอะไรดี 555
ผมสงสัยเสมอว่าทำไม Sin City: A Dame to Kill For ถึงทำรายได้ไม่สวยเลย (ทำไป $39 ล้านจากทั่วโลก ในขณะที่ทุนนั้นปาเข้าไป $65 ล้าน)
สารภาพว่าผมใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเพื่อระลึกว่าว่า The Mechanic ภาคแรกน่ะมันเรื่องไหนกันหนอ (555)
Barely Lethal ชวนให้นึกถึงหนังสไตล์เจมส์ บอนด์หรือเจสัน บอร์น แล้วบวกด้วยลีลาหนังฟรุ้งฟริ้งตามแบบวัยรุ่นน่ะครับ
ว่ากันแบบไม่ยืดยาวเลยนะครับ สำหรับการกลับมารอบ 3 ของพ่อตาแสบและเขยซ่าส์ครั้งนี้ ว่าผลที่ได้ออกมานั้น ไม่ใคร่จะน่าประทับใจเท่ากับ 2 คราวก่อนสักเท่าไร ไม่ว่าจะด้านเสียงฮาหรือความสนุก
หนังเรื่องนี้ทำให้ผมถึงแก่ความอึ้งไม่ใช่น้อยเหมือนกันครับ… คืออึ้งว่าทำไมมันถึงออกมาไม่ดึงดูดใจอะไรขนาดนี้
หนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกหลากอารมณ์ผสมๆ กันครับ แม้หน้าหนังจะว่าด้วยวันคริสต์มาส แต่ตัวหนังไม่ได้มาในแนว Feel Good ไม่ได้เต็มไปด้วยความแฮ้ปปี้แบบหนังเทศกาลทั่วๆ ไป แต่มันออกมาแนวตลกร้ายน่ะครับ
ถือเป็นหนังผีในความทรงจำอีกเรื่อง เพราะมันผสมยำความสยอง โหด แหวะ และความฮาเข้าไว้ด้วยกันในระดับที่ไม่เลว
หนังเบาสมองดูเอาเพลินอีกเรื่องของ Drew Barrymore ในยุคที่เธอกำลังขาขึ้น (หลังจากเล่นบทรับเชิญใน Scream ภาคแรกน่ะนะครับ) ช่วงนั้นงานเธอถือว่าชุกใช่เล่น ซึ่งเธอเองก็ไปได้ดีกับบทแบบนี้ด้วยน่ะครับ อย่างเรื่องนี้ก็ถือว่าบทเหมาะกับความสดใสสไตล์ Drew มากทีเดียว
ผมจำกัดความหนังเรื่องนี้ได้สองคำสั้นๆ เลยว่า “น่า ดู!”