หนังสร้างจากเรื่องจริงของ นิโคลัส วินตัน นายหน้าค้าหุ้นจากลอนดอน ผู้เป็นกำลังสำคัญในการช่วยพาเด็กๆ ออกจากกรุงปรากมาสู่อังกฤษ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังปะทุ โดยเขาสามารถช่วยเด็กๆ ออกมาได้ถึง 669 คน
หนังสร้างจากเรื่องจริงของ นิโคลัส วินตัน นายหน้าค้าหุ้นจากลอนดอน ผู้เป็นกำลังสำคัญในการช่วยพาเด็กๆ ออกจากกรุงปรากมาสู่อังกฤษ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังปะทุ โดยเขาสามารถช่วยเด็กๆ ออกมาได้ถึง 669 คน
จัดเป็นหนังสำหรับเด็กครับ กับเรื่องราวการผจญภับของหนูน้อยวัย 10 ขวบ ที.เอส. สปิเว็ท (Kyle Catlett) เด็กอัจฉริยะที่สามารถประดิษฐ์สิ่งของสุดล้ำจนทำให้สถาบันสมิธโซเนี่ยนยกรางวัลอันดับ 1 ให้ และได้โทรมาเชิญเขาไปยังสถาบันเพื่อรับรางวัลและแสดงสุนทรพจน์
9 ข้อขอเล่า หลังดู Cinderella เวอร์ชั่น Kenneth Branagh กำกับ (เปิดเผยเนื้อเรื่องตั้งแต่ข้อ 3 ขึ้นไป) และมันยาวอีกแล้วครับ ไม่ชอบของ “ยาว” กรุณาหลีกเลี่ยงนะครับ ^_^
ออกตัวก่อนว่าภาคแรกผมไม่ถึงกับชอบมากเท่าไรครับ คือดูได้เพลินๆ ขำๆ จุดเด่นคือ CG ที่เนรมิตภาพเมืองมหัศจรรย์ได้มหัศจรรย์สมชื่อ ดูแฟนตาซีและสีสันสดใสมากๆ
รอบแรกที่ดูเรื่องนี้ในโรง ก็รู้สึกว่าหนังมันดูเพลินดีน่ะนะครับ แต่ด้วยความที่ชื่อผู้กำกับคือ Tim Burton มันทำให้แอบหวังลึกๆ ว่าหนังมันน่าจะเพี้ยนได้อีก เพลินได้อีก และสนุกได้อีก
วันก่อนจัดเรื่อง Pitch Black ต่อด้วย The Chronicles of Riddick แล้วทีนี้อารมณ์มันติดพันครับ อยากดูหนังไซไฟผจญภัยบนต่างดาวอีกสักเรื่อง ก็เลยหันไปคว้า Planet of the Apes ฉบับป๋า Tim Burton มาสนองตัวเองสักรอบ
มาแล้วนะครับสำหรับการผจญภัยตอนที่ 6 ของพ่อมดน้อยที่โตเป็นหนุ่มเรียบร้อย แฮร์รี่ พอตเตอร์… เฮ่อ อีกสองภาคก็จบแล้วสินะ เวลาผ่านไปเร็วใช้ได้เหมือนกันนะครับเนี่ย
จริงๆ Dark Shadows มีองค์ประกอบหลายประการถูกใจผม
ตอนแรกนั้นผมกะจะขึ้นประโยคแรกของรีวิวว่า “การทำหนังแอ็กชันแนวคาวบอยตะวันตกเป็นเรื่องยาก” แต่พอนึกถึงความอร่อยสาแก่ใจใน Django Unchained เลยขอถอดประโยคที่ว่าออกจากสารบบในทันที
ถ้าเราต้องเล่าชีวิตของเราเอง หรือชีวิตใครสักคน การเล่าตามความจริงเป๊ะๆ มันจำเป็นแค่ไหน… เราจะเล่าแบบปรุงรสเพิ่มอีกหน่อย จะได้ไหม?