ป้ายกำกับ: Desmond Llewelyn

The World Is Not Enough (1999) 007 พยัคฆ์ร้ายดับแผนครองโลก

เจมส์ บอนด์ตอน Goldeneye และ Tomorrow Never Dies ที่ Pierce Brosnan นำแสดงนั้นล้วนเป็นบทพิสูจน์ครับว่าบอนด์ประสบความสำเร็จใจการกลับมาครองใจผู้ชมในฐานะหนังแอ็กชันแถวหน้าอีกครั้ง

Tomorrow Never Dies (1997) 007 พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย

เมื่อเจมส์ บอนด์กลับมาโด่งดังทั่วโลกอีกครั้งใน Goldeneye นั่นเป็นทั้งเรื่องดีและเรื่องกดดันสำหรับทีมงานครับ เพราะนั่นแปลว่าทั้งบริษัทออกทุน (MGM) และคนดูต่างคาดหวังในหนังบอนด์ตอนต่อไป ซึ่งคนที่ต้องรับภาระหนักที่สุดก็คือ Michael G. Wilson ลูกเลี้ยงของ Albert R. Broccoli ผู้ล่วงลับ เพราะเขาต้องขึ้นแท่นควบคุมดูแลทุกสิ่งแทน Broccoli ผู้คุมงานหนังบอนด์มากว่า 35 ปี

GoldenEye (1995) พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลก

เมื่อ Licence to Kill บอนด์ภาคก่อนหน้าไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนักในตลาดอเมริกาทำให้แผนการสร้างบอนด์ตอนใหม่ถูฏชะลอ และยิ่งชะลอหนักขึ้นไปอีกเมื่อบริษัท MGM/UA ผู้จัดจำหน่ายหนังชุดนี้มีปัญหาพิพาทกับบริษัท Danjaq ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ EON เจ้าของสิทธิ์หนังบอนด์

Licence to Kill (1989) 007 รหัสสังหาร

จริงๆ แล้วก่อนนี้ผมเฉยกับบอนด์ภาคนี้นะครับ ด้วยโทนเรื่องที่ถือว่าหนักขึ้นและบอนด์เองก็ออกแนวพระเอกล้างแค้นมากกว่าจะมาเป็นสายลับอังกฤษทรงเสน่ห์แบบเดิมๆ

แต่พอเวลาผ่านไป กลับมาดูบอนด์ภาคนี้อีกรอบ ผมกลับโอเคกับมันมากขึ้น

The Living Daylights (1987) 007 พยัคฆ์สะบัดลาย

เมื่อ Roger Moore อำลาบทเจมส์ บอนด์แบบแน่นอนไปแล้ว การสรรหาดาราหนุ่มคนใหม่มาสวมวิญญาณสายลับ 007 ก็เริ่มต้นอีกครั้ง โดยครั้งนี้คนที่ได้รับการทาบทามเป็นหมายเลข 1 คือ Timothy Dalton ที่ Albert R. Broccoli อยากให้มาแสดงเป็นบอนด์ตั้งแต่สมัย On Her Majesty’s Secret Service (ปี 1969 โน่นน่ะครับ) แต่ Dalton เป็นคนปฏิเสธเพราะคิดว่าตนหนุ่มเกินไปสำหรับบทพยัคฆ์ร้ายบทนี้

For Your Eyes Only (1981) 007 เจาะดวงตาเพชฌฆาต

หลังจากเจมส์ บอนด์ตอน Moonraker ประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำให้ผู้อำนวยการสร้าง Albert R. Broccoli รู้สึกเบาใจ คลายความกดดันที่มีในการสร้างหนังบอนด์ลงไปมาก เพราะก่อนหน้านี้เขาต้องพยายามทำบอนด์ออกมาตามกระแสเพื่อดึงความนิยม

Thunderball (1965) ธันเดอร์บอลล์ 007

นี่ถือเป็นบอนด์ตอนที่มีคนดูมากที่สุดตลอดกาลเลยก็ว่าได้นะครับ นับจำนวนแล้วก็ประมาณ 74.8 ล้านคนแน่ะ ก็ถ้าคิดเป็นค่าตั๋วในยุคปัจจุบัน (ปี 2560) หนังก็จะทำเงินไปถึง 664 ล้านเลยทีเดียวล่ะครับ

Goldfinger (1964) จอมมฤตยู 007

ตอนจบของ From Russia with Love (1963) ได้ทิ้งท้ายไว้ว่าเจมส์ บอนด์จะกลับมาในตอน Goldfinger แค่นี้ก็ทำให้แฟนๆ ตั้งตารอคอยเต็มที่ แม้ช่วงแรกของการสร้างจะมีเรื่องให้ทีมงานเหนื่อยกันนิดหน่อยก็ตาม

From Russia with Love (1963) เพชฌฆาต 007

พอ Dr. No ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทำให้ United Artist ตกลงไฟเขียวให้กับภาคต่อของหนังบอนด์ทันที ทั้งยังเพิ่มทุนสร้างให้หลังจากภาคแรกใช้่ไปประมาณ 1 ล้าน มาภาคนี้ก็อัพขึ้นให้เป็น 2 ล้าน เรียกว่าจัดเต็มสุดตัวกันไปเลยทีเดียว