แม้ว่าหนังภาคนี้จะบอกว่าเป็นบทสรุปของไตรภาค แต่ผู้กำกับ Antoine Fuqua เคยให้สัมภาษณ์ไว้ครับว่าถ้าพี่ Denzel Washington แกเอ่ยปากว่าอยากทำต่อ ไม่ว่าจะภาคต่อหรือภาคก่อนหน้า (Prequel) ก็ตาม เขาก็พร้อมจะกลับมาร่วมงานด้วยเสมอครับ
แม้ว่าหนังภาคนี้จะบอกว่าเป็นบทสรุปของไตรภาค แต่ผู้กำกับ Antoine Fuqua เคยให้สัมภาษณ์ไว้ครับว่าถ้าพี่ Denzel Washington แกเอ่ยปากว่าอยากทำต่อ ไม่ว่าจะภาคต่อหรือภาคก่อนหน้า (Prequel) ก็ตาม เขาก็พร้อมจะกลับมาร่วมงานด้วยเสมอครับ
ผมเคยดูภาคนี้ไปหนึ่งรอบเมื่อตอนมันออกใหม่ๆ ตอนนั้นดูแบบไม่ได้เอาภาคแรกมาดูซ้ำก่อนดูภาคนี้ ความรู้สึกที่ได้ก็ประมาณว่าชอบภาคแรกมากกว่า และรู้สึกสนุกกับภาคนี้ไม่มากนัก
ปี 1995 ถือเป็นปีที่คู่หูผู้อำนวยการสร้าง Don Simpson และ Jerry Bruckheimer กลับมาผงาดอย่างเต็มภาคภูมิ – หลังจากสะดุดไปกับ Days of Thunder – โดยปีนั้นพวกเขามีหนังฮิตถึง 3 เรื่อง ได้แก่ Bad Boys, Dangerous Minds และ Crimson Tide ที่ผมกำลังจะพูดถึง
เรื่องนี้ใช้ได้เลยครับ ดูสนุกกว่าที่คิด แม้จะไม่ถึงกับเด็ดมากมาย แต่ก็ดูเอามันส์ เอาระทึกได้อยู่
ดัลตัน รัสเซลล์ (Clive Owen) กับพวกได้ลงมือปล้นธนาคารแมนฮัตตัน ทรัสต์และจับคนไว้เป็นตัวประกัน ส่งผลให้นักสืบคีธ เฟรเซียร์ (Denzel Washington) ถูกตามมาเพื่อควบคุมสถานการณ์ ซึ่งคีธก็พยายามพลิกตำราหาทางเจรจากับดัลตันเพื่อให้เขาปล่อยตัวประกัน แต่ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไร คีธก็ยิ่งมีสังหรณ์ในใจ คล้ายกับว่าการปล้นครั้งนี้มันเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่าที่เขารู้
Much Ado About Nothing คือบทละครแนวสุขนาฏกรรมของ William Shakespeare ที่ Kenneth Branagh นำมาดัดแปลงและกำกับ พร้อมด้วยแสดงนำครับ
สงสัยปีก่อนๆ คอหนังแอ็กชันคงทำบุญกันไว้เยอะนะครับ ปี 2014 ที่ผ่านมานี่เลยมีหนังแอ็กชันมันส์กลมกล่อมให้เราดูตั้งหลายเรื่อง ไม่ว่าจะ Lucy, John Wick หรือ The Equalizer ที่แต่ละเรื่องนี่น่าซื้อเก็บมาดูซ้ำเพื่อกระตุ้นต่อมระห่ำให้กระฉับกระเฉงขึ้นมา
บางครั้ง “เกียรติยศ” กับ “ความจริง” เป็นสิ่งที่ต้องแยกออกจากกัน
เมื่อโลกไร้ซึ่งความหวัง “ความเชื่อ” นั่นเองที่มีค่าที่สุด
หนังเรื่องนี้จัดว่าถูกใจเกินคาดหมายครับ ดูสนุกมาก เพลินจริงๆ จนไม่คิดสาธยายยาว ขอเล่าสั้นๆ ดังนี้