หนังคาวบอยที่จับเอาเรื่องของ ไวลด์ บิลล์ ฮิคค็อก (Jeff Bridges) มือกฎหมายระดับตำนานที่ขึ้นชื่อในเรื่องความห่ามระห่ำโดยเล่าตั้งแต่ช่วงที่เขาเป็นมือกฎหมายไปจนถึงวันสุดท้ายที่เขาถูกปลิดชีพ
หนังคาวบอยที่จับเอาเรื่องของ ไวลด์ บิลล์ ฮิคค็อก (Jeff Bridges) มือกฎหมายระดับตำนานที่ขึ้นชื่อในเรื่องความห่ามระห่ำโดยเล่าตั้งแต่ช่วงที่เขาเป็นมือกฎหมายไปจนถึงวันสุดท้ายที่เขาถูกปลิดชีพ
ว่าตามจริง Once Upon a Time in Venice น่าจะออกมาสนุกครับถ้าไปอยู่ในมือของผู้กำกับที่มือแม่นๆ สักหน่อย
The Adventures of Sharkboy and Lavagirl เรื่องนี้เห็นมานานมากแต่ก็ไม่ได้ดูสักทีครับ อาจเพราะความสนใจมันไม่มากหรือไม่ก็อิ่มตัวแนวนี้ไปแล้วหลังจากดู Spy Kids มาหลายภาค แต่ที่เอามาดูนี่ก็เพราะวันก่อนได้ดู We Can Be Heroes ครับ แล้วก็เพิ่งรู้ว่าเรื่องนั้นเป็นภาคต่อของเรื่องนี้ (เพราะมีตัวละครชาร์คบอยกับลาวาเกิร์ลไปโผล่ด้วย) ก็เลยย้อนหามาดู
ทันทีที่ End Credits ของ Scream ภาคนี้โผล่ขึ้นมา ผมก็ค่อยๆ ถามตัวเองว่า “เราชอบภาคนี้ไหมเนี่ย?”
แจ็ค (Christopher Lambert) กับครอบครัวกำลังเดินทางผ่านถนนเส้นที่สองข้างทางมีแต่ทะเลทรายครับ ทีนี้ระหว่างทางพวกเขาไปมีเรื่องกับแก๊งอันธพาล (Craig Sheffer) และพวกมันก็ทำให้พี่ชายของเขา (Christopher McDonald) ถึงแก่ความตาย และยังพยายามฆ่าเขา จับลูกเมียเขาไปอีกด้วย
ผลงานการกำกับครั้งแรกของ Courteney Cox ที่หลายคนคุ้นเคยจากบทโมนิก้าแห่งซีรี่ส์ Friends หรือบทเกล เวเธอร์จากหนังชุด Scream ครับ ซึ่งผลที่ได้ออกมาก็ถือว่าไม่เลวทีเดียว
พูดได้เต็มปากว่าผมชอบภาคนี้เป็นอันดับ 2 รองจากภาคแรก
การรีวิว Scream ภาคนี้คงต้องมีการแยกพูดถึง ระหว่างคุณภาพของหนัง กับเรื่องความชอบส่วนตัวครับ
สำหรับหนังสยองหลายๆ เรื่องแล้ว ภาคต่อจะก่อกำเนิดเมื่อภาคแรกทำเงินเยอะพอ แต่กับ Scream แล้ว ไอเดียภาคต่อได้เกิดขึ้นตั้งแต่บทภาพยนตร์ภาคแรกเพิ่งเขียนเสร็จหมาดๆ
นี่คือหนังสยองแนวไล่ฆ่าที่ทำออกมาดีได้ใจคนดู ส่งผลให้หนังดังครับ ในขณะที่ค่ายหนังต่างๆ ก็พากันสร้างหนังแนวสยองไล่ฆ่าตามกันออกมาเป็นพรวน จนจำได้ว่าปีนั้นและถัดมาอีก 2 ปีก็ยังมีหนังแนวนี้ตามออกมาอีกเรื่อยๆ ครับ