การกลับมาของเหล่าคนอมตะที่นำโดยแอนดี้ (Charlize Theron) ที่หนนี้ต้องเผชิญกับคนจากอดีตอย่างควินห์ (Veronica Ngo) รวมถึงวายร้ายอย่างดิสคอร์ด (Uma Thurman) งานนี้แอนดี้เลยต้องผนึกกำลังกับผองเพื่อนเพื่อเอาชนะมัน
การกลับมาของเหล่าคนอมตะที่นำโดยแอนดี้ (Charlize Theron) ที่หนนี้ต้องเผชิญกับคนจากอดีตอย่างควินห์ (Veronica Ngo) รวมถึงวายร้ายอย่างดิสคอร์ด (Uma Thurman) งานนี้แอนดี้เลยต้องผนึกกำลังกับผองเพื่อนเพื่อเอาชนะมัน
ตอนดูรอบแรกยังไม่ถึงกับชอบอะไรมากครับ ครั้นพอเอามาดูใหม่ก่อนดูภาค 2 ก็รู้สึกสนุกกับหนังมากขึ้น
ส่วนตัวมองว่าถ้าหนังจบลงในภาค 7 น่าจะเป็นอะไรที่พอดีและสวยงามครับ แต่ในเมื่อเขาทำออกมาเราก็มีหน้าที่ตามดูไปน่ะนะครับ นี่ก็ไปเข้าไป 10 ภาคแล้ว ไหนจะภาคแยกอีก แล้วก็รอดูภาค 11 กันต่อไปเพราะหนังจบแบบทิ้งท้ายให้เราตามดูต่ออีก
ผมสนุกกับ Aeon Flux ตอนได้ดูรอบแรกครับ ครั้นพอมาดูซ้ำความชอบอาจไม่ได้มากขึ้น – ดีไม่ดีอาจจะลดลงด้วย – แต่มันทำให้ตระหนักชัดขึ้นน่ะครับว่าอะไรในหนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกชอบในการดูรอบก่อนๆ
ผมแบ่งหนังแฟนตาซีออกเป็น 3 แนวง่ายๆ ครับ แนวแรกคือเข้มจริงจัง มีรายละเอียด มีอาณาจักร มีสงครามรบพุ่ง – แนวที่ 2 คือเน้นแสงสี ย่อยง่าย หวือหวาผจญภัย ยิงเวทย์สู้กันมันส์ๆ และอีกแนวคือพันธุ์ผสมที่จับเอาแนวแรกมาเจอกับแนว 2 นั่นเอง
ดู Fast & Furious 9 ด้วยใจไร้คาดหวังตามเคยครับ ว่าตามจริงคือผมไม่ถึงกับเป็นแฟนหนังชุดนี้ คือดูทุกภาคได้แบบเพลินๆ มาชอบมากหน่อยก็ภาค 5 และ 6 ต่อด้วย 7
สำหรับผมแล้ว ภาคแรกถือว่าเรื่อยๆ ครับ คือดูได้เรื่อยๆ แต่ไม่ได้ถึงกับติดใจโปรดปรานอะไร แม้ผมจะชอบหนังแฟนตาซีประมาณนี้และหลายอย่างในหนังจะดูไม่เลว และให้ความบันเทิงได้ระดับหนึ่งก็ตาม แต่โดยรวมแล้วหนังยังจับใจขนาดนั้น
“ล่าบ้าคลั่ง มันส์สะใจ” น่าจะเป็นคำจำกัดความที่เหมาะกับหนังที่สุดครับ
ดูจบแล้วผมถามตัวเองว่าชอบสโนว์ไวท์รสชาติไหนมากกว่ากัน ระหว่างรสภารตะผสมวนิลาหอมเนยนมกับรสโกโก้เข้มข้นบวกเข้าไปด้วยลิโพอีกขวดกว่าๆ
พ่อลูกคู่หนึ่ง (Viggo Mortensen และ Kodi Smit-McPhee) เดินท่อมๆ ผจญภัยไปในโลกหลังเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ จนโลกนี้แทบไร้ชีวิต เหลือแต่ความโหดร้ายและยากเข็ญ… ใช่ครับ นั่นคือเรื่องราวทั้งหมดของหนัง